ETF - DW - Futures - Options 4 ตัวช่วยนักลงทุน ยามตลาดหุ้นผันผวน หลบภัย สร้างโอกาสทำกำไรได้
Date Time: 11 เม.ย. 2568 14:23 น.
“Summary“
รู้จักกับ 4 เครื่องมือสำคัญในตลาดทุนที่ไม่เพียงแต่ช่วย “หลบภัย” จากความผันผวนเท่านั้น แต่ยังสามารถ “สร้างโอกาสทำกำไร” ได้ด้วย
ในช่วงที่ตลาดหุ้นเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก ปัจจัยความไม่แน่นอนเต็มไปหมด อยู่ๆ ก็เกิดกำแพงภาษี สงครามการค้าทวีความรุนแรง ทำให้โลกการลงทุนปั่นป่วนหนัก
การลงทุนในหุ้นเดี่ยวๆ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และในตลาดทุนยังมีเครื่องมือทางการเงินอีกหลายประเภท ที่ไม่เพียงแต่ช่วย “หลบภัย” จากความผันผวนเท่านั้น แต่ยังสามารถ “สร้างโอกาสทำกำไร” ได้เช่นกัน
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 4 เครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนสามารถนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ทั้งเพื่อการกระจายความเสี่ยง การป้องกันการขาดทุน และการเก็งกำไรในตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ที่อาจเปลี่ยนวิกฤติในตลาดให้กลายเป็นโอกาสได้อย่างแท้จริง
ETF (Exchange Traded Fund) หรือ กองทุนรวมดัชนี
กองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง หรือซื้อ ETF 1 หน่วยเทียบเท่ากับการซื้อหุ้นทั้งกลุ่ม หรือซื้อหุ้นทั้งดัชนี ทั้งนี้ ETF เป็นกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงแรงหรือผิดปกติ หากมองว่าเป็นจุดต่ำสุดและน่าจะเป็นโอกาสเข้าลงทุน แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน ให้เลือกซื้อ ETF เพื่อรับผลตอบแทนตามดัชนี
DW (Derivative Warrants) หรือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์
“ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์” เครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่งที่เราสามารถซื้อขายในกระดานหุ้นได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง โดยราคาของ DW จะวิ่งขึ้นลงตามราคาหุ้นหรือสินค้าอ้างอิง จุดเด่นของ DW คือ ใช้เงินเริ่มต้นไม่มาก ใช้ได้ทั้งในการเก็งกำไรและบริหารความเสี่ยง ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง โดยกลไกการทำงานนั้นเข้าใจง่าย หากเรามองว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ให้ซื้อ DW ในฝั่ง CALL หรือถ้ามองว่าราคาจะปรับตัวลดลง ให้เข้าซื้อ DW ในฝั่ง PUT โดยนักลงทุนอาจนำ DW ไปกำหนดกลยุทธ์การถือหุ้น เช่น ในภาวะตลาดหุ้นไม่ปกติ ราคาหุ้นลงแรง เราอาจซื้อ DW ในฝั่ง PUT เพื่อนำกำไรจาก DW ไปชดเชยกับผลการขาดทุนของราคาหุ้นได้
Futures หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
สัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะซื้อขายหุ้น หรือสินค้าอ้างอิง โดยกำหนดราคาตั้งแต่วันนี้ แต่ส่งมอบและชำระเงินในอนาคต ผู้ซื้อและผู้ขายไม่จำเป็นต้องถือสัญญาไว้จนครบกำหนด และสามารถเปลี่ยนมือได้ โดยการเทรดในตลาดฟิวเจอร์สนั้น ผู้เทรดการสร้างสถานะสัญญาฟิวเจอร์ส สามารถทำได้ทั้ง 2 ฝั่ง จะขายก่อน หรือซื้อก่อนก็ได้ โดยฝั่งผู้ซื้อสัญญา เรียกว่ามี “สถานะซื้อ” หรือ Long Position ส่วนฝั่งผู้ขาย เรียกว่ามี “สถานะขาย” หรือ Short Position ซึ่งจุดเด่นของฟิวเจอร์ส คือ ใช้เงินน้อยกว่า โดย 1 สัญญามีค่าเท่ากับ 1,000 หุ้น โดยผู้เทรดสามารถใช้ฟิวเจอร์สในการสลับกลยุทธ์ในการซื้อขายทั้งขาขึ้น และขาลง ช่วยในการบริหารความเสี่ยงในภาวะตลาดผันผวนได้
Options หรือ สัญญาสิทธิ
สัญญาที่ผู้ซื้อได้รับ “สิทธิซื้อ” หรือ “สิทธิขาย” สินทรัพย์อ้างอิงตามราคา จำนวน และระยะเวลาที่ระบุไว้จากผู้ขาย ซึ่งเป็นเหมือนการทำประกันป้องกันความเสี่ยง ช่วยให้นักลงทุนล็อกต้นทุนหรือผลตอบแทนล่วงหน้าได้ ในภาวะตลาดผันผวน เช่น ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง หากนักลงทุนถือ Put Option ไว้ที่ราคา 100 บาท หากหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 80 บาท นักลงทุนจะสามารถขายหุ้นได้ที่ 100 บาทตามที่ได้ซื้อสถานะไว้ โดยผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับการบริหารความเสี่ยง ทั้งนี้ Option เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนสูง และสามารถใช้ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้หลากวิธี ดังนั้นนักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
Author
