LiVEx Investor Day 2025 เชื่อมดีล ปั้น SMEs-Startups สู่ตลาดทุน ติดเครื่องยนต์ใหม่ หนุนเศรษฐกิจไทย

Investment

Capital Market

Content Partnership

Content Partnership

Tag

LiVEx Investor Day 2025 เชื่อมดีล ปั้น SMEs-Startups สู่ตลาดทุน ติดเครื่องยนต์ใหม่ หนุนเศรษฐกิจไทย

Date Time: 11 เม.ย. 2568 06:00 น.
Content Partnership

Summary

  • LiVEx ครบรอบดำเนินการ 3 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปั้นธุรกิจ SMEs - Startups สู่ตลาดทุน จัดงานใหญ่ “LiVEx Investor Day 2025” เชื่อมดีลผู้ประกอบการกับนักลงทุน จับมือพันธมิตรหนุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

“Thairath Money” พาเจาะลึกภารกิจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านกลไกตลาดทุนที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก

ทำความรู้จัก "ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์" หรือ LiVEx ที่เพิ่งครบรอบดำเนินการ 3 ปี ไปหมาดๆ กับงานใหญ่ "LiVEx Investor Day 2025" เชื่อมโอกาสให้นักลงทุนและผู้ประกอบการ

การเดินทางของ LiVEx สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน เติบโต และแข็งแกร่งขึ้นได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างยั่งยืน

LiVEx 3 ปีแห่งการสร้างสะพานเชื่อม SMEs - Startups สู่แหล่งเงินทุน

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นและความมุ่งมั่นว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการทุกระดับ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไทยทั้งหมด


โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่เล็กลงมา ทั้ง SMEs และ Startups จึงเกิดเป็นตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ขึ้น จากเดิมที่มีตลาด SET ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 50 ปี และตลาด mai ที่เปิดให้บริการมา 25 ปี

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา LiVEx ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะ “ทางเลือกใหม่ในการระดมทุน” ด้วยเกณฑ์ที่ผ่อนคลายและค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเทียบกับ SET และ mai ปัจจุบันมีบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้ว 7 แห่ง สามารถระดมทุนรวมไปได้กว่า 290 ล้านบาท เฉลี่ยบริษัทละ 40 ล้านบาท สะท้อนความสำเร็จในการเป็นประตูสู่ตลาดทุนอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ในเฟสถัดไปคือการผลักดันให้บริษัทใน LiVEx เติบโตจนสามารถก้าวเข้าสู่ตลาด mai หรือ SET ได้ ซึ่งปี 2568 นี้ ก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจอย่าง บมจ. เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM23) ที่กำลังยื่นไฟลิ่งเข้าจดทะเบียน mai ขณะเดียวกัน ก็ยังมีบริษัทในแผนอีกราว 50 บริษัทที่เตรียมพร้อมในการระดมทุน

นอกจากการจัดตั้งกระดานซื้อขายแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมี LiVE Platform ที่ดำเนินการมา 5 ปี ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการบ่มเพาะ ให้ความรู้ และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการทั้ง SMEs และ Startups ให้แกร่งพอสำหรับการระดมทุนเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต


จัดงานใหญ่ “LiVEx Investor Day 2025” เวทีสร้างโอกาสผู้ประกอบการ-นักลงทุน

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดงาน "LiVEx Investor Day 2025" ขึ้น นอกจากจะเป็นการฉลองครบรอบ 3 ปีแล้ว ยังเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะกับนักลงทุนและผู้สนใจ กว่า 300 ราย ทั้งนักลงทุนสถาบัน, กองทุนส่วนบุคคล, Venture Capital, และผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)


ประพันธ์
เปิดเผยว่า เป้าหมายของงานนี้ คือการสร้างฐานผู้ประกอบการให้กว้างขึ้น และที่สำคัญคือการ Matching ให้เกิดดีลการลงทุนจริงๆ ซึ่งน่ายินดีว่าเพียงเริ่มงานไปไม่นาน ก็มีรายงานว่าเกิดดีลขึ้นแล้ว งานนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ให้ประโยชน์และตอบโจทย์ทุกคน ทั้งฝั่งผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุน และฝั่งนักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ

ทั้งนี้ งาน "LiVEx Investor Day 2025" นับเป็นพื้นที่สร้างเครือข่าย (Networking) และความร่วมมือทางธุรกิจ สอดคล้องกับพันธกิจหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ "To Make The Capital Market Work For Everyone" หรือ "พัฒนาตลาดทุน เพื่อทุกคน"

ผนึกกำลังพันธมิตร CMDF ร่วมหนุนเต็มที่

ความสำเร็จของ LiVEx และงาน LiVEx Investor Day 2025 ไม่ได้เกิดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงลำพัง แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรสำคัญมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก “กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน” หรือ CMDF


จักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)
กล่าวว่า ธุรกิจ SMEs และ Startups ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต แต่ผู้ประกอบการบางรายยังต้องการองค์ความรู้และการสนับสนุนด้านเงินทุน ดังนั้น CMDF จึงเข้ามามีบทบาท

โดยภารกิจหลัก 4 ด้านของ CMDF ได้แก่

1. สร้างโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพตลาดทุนไทย ให้มีความสามารถในการแข่งขันได้
2. ยกระดับบุคลากรโดยเฉพาะสถาบันการเงินไทยที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ให้มีทักษะที่เหมาะสมในการพัฒนาหรือประกอบธุรกิจในอนาคต
3. ส่งเสริม Financial Literacy หรือความรู้ในเรื่องการเงินการลงทุนให้กับประชาชนทั่วไป นักลงทุน ผู้ประกอบการ รวมถึงภาคเอกชนและภาครัฐ
4. สร้างนวัตกรรมผ่านงานวิจัยต่างๆ

"CMDF ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ, ก.ล.ต. และองค์กรอื่น ๆ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สนับสนุนเงินทุน โดยเฉพาะกลุ่ม New S-curve ที่รัฐบาลมุ่งเน้น จัดกิจกรรมฝึกอบรม สัมมนา และเวิร์กช็อป" จักรชัย กล่าว

สำหรับงาน Investor Day 2025 ในครั้งนี้ จักรชัย ชี้ให้เห็นว่า หัวใจสำคัญคือการทำ Matching Fund ให้ผู้ประกอบการได้เจอนักลงทุน หรือแม้แต่เจอผู้ประกอบการด้วยกันเอง เพื่อสร้างโอกาสร่วมลงทุนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม CMDF ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย (Trust & Confidence) โดยจะร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงการสร้างการรับรู้ถึง "เสน่ห์" ของตลาดหุ้นไทย ที่แม้ภาวะตลาดหุ้นจะผันผวน แต่หลายบริษัทยังมีความสามารถในการจ่ายปันผลสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียน

นอกจากความร่วมมือกับ CMDF แล้ว งาน Investor Day 2025 เป็นความร่วมมือของ LiVE Platform และหน่วยงานพันธมิตร อาทิ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย เป็นต้น

เสียงจากนักลงทุน มองหาอะไรในงาน LiVEx Investor Day 2025

หนึ่งในนักลงทุนรายสำคัญที่เข้าร่วมงาน คือ ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) บริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองว่าโครงการ LiVEx และ LiVE Platform มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมาช่วยสร้างองค์ความรู้และวางพื้นฐานให้ธุรกิจ Startups แข็งแรง โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการเก่งเรื่องพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว แต่ระบบหลังบ้านหรือโครงสร้างบริษัทอาจยังไม่พร้อม ซึ่งการเข้าร่วมโครงการแบบนี้จะช่วยสร้างความพร้อมให้บริษัทรองรับการลงทุนจากนักลงทุนได้ดีขึ้น


ทั้งนี้ การมาร่วมงาน LiVEx Investor Day 2025 คาดหวังว่าจะได้เจอธุรกิจ Startups ใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพและตอบโจทย์การลงทุนของ Beacon VC โดยมีนโยบายลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลัก ได้แก่

1. Synergistic Fund เน้นลงทุนใน FinTech เพื่อหานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับ KBANK
2. Opportunistic Fund เน้นลงทุนเพื่อสร้างผลกำไร โดยมองหานวัตกรรมอย่าง AI และ Blockchain
3. Impact Fund เน้นลงทุนใน Startups ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ESG

นอกจากนี้ ในฐานะนักลงทุน ธนพงษ์ ฝากคำแนะนำถึงผู้ประกอบการว่า หากมีโอกาสพบนักลงทุน ควรศึกษามาก่อนว่าเขาสนใจลงทุนด้านไหน หรือกองทุนของเขามีวัตถุประสงค์อะไร แล้วนำเสนอธุรกิจให้ตอบโจทย์นั้น ๆ หรือชี้ให้เห็นว่าการลงทุนในบริษัทของเรา จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างไร

พร้อมย้ำว่าในภาวะปัจจุบันที่นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น การเติบโตอย่างเดียวอาจยังไม่พอ แต่ต้องมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งด้วย อย่างน้อยต้องสร้างรายได้ได้จริง ซึ่งบางกองทุนมองไปถึงความสามารถในการทำกำไรในอนาคต รวมถึงต้องมีแนวทางให้ Exit ที่ชัดเจน หรือนักลงทุนสามารถขายเงินลงทุนต่อได้ด้วย

และไม่เพียงแต่ VC เท่านั้น แต่นักลงทุนจากบริษัทจดทะเบียนก็ให้ความสนใจงานนี้เช่นกัน นันทกาญจน์ ทองประพาฬ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) หรือ GENCO หนึ่งในผู้ร่วมงาน กล่าวถึงมุมมองของบริษัทมหาชน ที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ไว้อย่างน่าสนใจ


"เรามองหาบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มีโอกาสน่าสนใจให้เราลงทุน โดยมองหาธุรกิจที่เป็นไปได้จริง มีโอกาสเติบโตสูง อาจถึงขั้นยูนิคอร์น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงทางธุรกิจ"

นันทกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษกับโซลูชันในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนอสังหาฯ ค่อนข้างซบเซา จึงมองหานวัตกรรมที่จะมาช่วยฟื้นฟูตลาดได้ เช่น เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชันที่ช่วยสนับสนุนการขาย สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า และเพิ่มกำลังซื้อในตลาดให้มากขึ้น

สำหรับคำแนะนำถึงผู้ประกอบการในฐานะผู้ลงทุนนั้น นันทกาญจน์ เชื่อว่านักลงทุนทุกคนมองหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่แล้ว ขอแค่ผู้ประกอบการมีความมั่นใจ ตอบคำถามได้ชัดเจน โชว์ให้เห็นว่าบริษัทมีดีอย่างไร งบดุลแข็งแกร่งหรือไม่ หากทุกอย่างประกอบกันแล้วดี บริษัทก็พร้อมลงทุน

นอกจากนี้ ยังเสริมถึงเหตุผลที่บริษัทมหาชนอย่าง GENCO สนใจลงทุนในธุรกิจ SMEs และ Startups ว่า เป็นการเปิดโอกาสให้ได้เข้าถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่อาจไม่มีโอกาสไปลองทำเอง การลงทุนในบริษัทที่เริ่มต้นแล้วและมีความเข้าใจในธุรกิจชัดเจน จึงเป็นช่องทางที่ง่ายและสะดวกกว่า

เจาะเกณฑ์ LiVEx ใครเข้าได้? ใครลงทุนได้?

ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เป็นกระดานซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจ SMEs และ Startups ที่จัดตั้งขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นช่องทางให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยกฎเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่า SET และ mai เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น Thairath Money สรุปข้อมูลพื้นฐานของ LiVEx ดังนี้

คุณสมบัติบริษัท

● สถานะ : เป็นบริษัทมหาชนจำกัด และไม่ใช่บริษัท Investment Company
● กรรมการ/ผู้บริหาร : กรรมการและผู้บริหารต้องไม่มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ และผู้บริหารผ่านหลักสูตรเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดทุน
● ผลการดำเนินงาน : ธุรกิจ SMEs ขนาดกลางขึ้นไป ตามนิยามสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ภาคผลิตมีรายได้ต่อปี 100 ล้านบาทขึ้นไป ภาคบริการมีรายได้ต่อปี 50 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนธุรกิจ Startups มีผู้ลงทุนสถาบัน ธุรกิจเงินร่วมลงทุน และกองทุนส่วนบุคคล ร่วมลงทุน
● Silent Period : 3 ปี จำนวน 55% (ทยอยขายได้ 20% เมื่อครบ 1 ปี และทุก 6 เดือน)
● การยื่นคำขอ : ไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)
● งบการเงิน : มาตรฐาน PAEs 1 ปี
● เสนอขายหุ้น IPO : มูลค่าระดมทุน 10-500 ล้านบาท และระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าระดมทุนที่ตั้งไว้

คุณสมบัติผู้ลงทุน

สำหรับประเภทผู้ลงทุนใน LiVEx จำกัดเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงได้สูง ได้แก่ นักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor), ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) และกองทุนส่วนบุคคล (Private Equity)

รวมถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท และผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net-Worth) ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net-Worth)

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนใน LiVEx ได้ในอนาคต โดยอยู่ระหว่างศึกษากฎเกณฑ์และข้อกำหนดร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

เปิดชื่อบริษัทจดทะเบียนใน LiVEx

ปัจจุบันมีบริษัทเข้าจดทะเบียนใน LiVEx แล้ว 7 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap.) จำนวน 5,210.62 ล้านบาท (ณ วันที่ 1 เมษายน 2568) ดังนี้

1. บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) : AWS22
2. บริษัท สิทรอน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) : SITRON22
3. บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) : ISTORE22
4. บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) : MMM23
5. บริษัท เอส เอ็น เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) : SNSS24
6. บริษัท ลีโอวูด จำกัด (มหาชน) : LEOWD24
7. บริษัท เจเนอรัล เอาท์ซอร์สซิ่ง จำกัด (มหาชน) : GOHR25


Author

Content Partnership

Content Partnership