เศรษฐกิจโลกผันผวน ธุรกิจต้องยืดหยุ่น-ปรับตัวเร็ว Xspring เปิดแผนปี 68 ดันรายได้โต 20%

เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต่างเผชิญความผันผวน ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ยังถือว่ายังมีความเสี่ยง ทั้งนโยบายกีดกันทางการค้า การขึ้นกำแพงภาษี และการลดความสำคัญของนโยบายสิ่งแวดล้อม

ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนนี้ ธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น จึงจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายไปได้ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG จึงประกาศเดินหน้าธุรกิจภายใต้แนวคิด “Resilient Growth in a Challenging Landscape” ตั้งธงปี 2568 รายได้โต 20% สู่ระดับ 1.1 พันล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การปรับตัวเชิงรุก และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG เปิดเผยว่า ท่ามกลางความผันผวนของตลาด บริษัทวางแผนการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุน และนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ที่มั่นคง รับมือกับความท้าทายของตลาด โดยตั้งเป้ารายได้รวม 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เติบโตด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1. ขยายพอร์ตปล่อยสินเชื่อธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ราว 8,000 ล้านบาท คาดว่าจะยังเติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ พร้อมขยายฐานบริการ  Private Credit ให้กับลูกค้ามากขึ้น
2. ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ทั้งการเสนอขายกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล 10-15 โครงการ หนุนสินทรัพย์ภายใต้การจัดการแตะระดับ 15,000 ล้านบาท พร้อมมีแผนเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล 3-5 โครงการ
3. ตั้งเป้าประมูลหนี้เข้าพอร์ตกว่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 80% และไม่มีหลักประกัน 20%

นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจลงทุน ยังมีการศึกษาเพื่อลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นดีลใหม่ๆ เพิ่มเติมในปีนี้ โดยเปิดโอกาสในการลงทุนที่เกาะกระแสกับธีมหลัก ได้แก่ FinTech, ESG และ Human Wellbeing เพื่อเข้าไปส่งเสริมการเติบโตของภาคธุรกิจ

ที่ผ่านมา บริษัทยังได้เข้าลงทุนใน บริษัท กินดื่ม จำกัด (KINDUEM) ซึ่งประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ BEANS Coffee Roasters, AROI, DEAN & DELUCA, REES, THAI THAI EATERY และ UMAMI JAPANESE IZAKAYA เพื่อขยายแหล่งรายได้จากธุรกิจที่มีศักยภาพ และกระจายความเสี่ยง สะท้อนศักยภาพการปรับตัวในภาวะตลาดการเงินที่มีความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ Xspring แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 

1. รายได้ดอกเบี้ย 62% 
2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 21% 
3. รายได้จากเงินลงทุนและปันผล 12% 
4. รายได้อื่นๆ 5%

ด้าน ยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด กล่าวเสริมว่า แม้ว่าภาวะตลาดที่ผันผวนและนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ 2.0 จะส่งผลต่อการตัดสินใจบริหารเงินลงทุนของลูกค้า แต่ Xspring ไม่ได้พึ่งพารายได้จากช่องทางเดียว โดยบริษัทมีโครงสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่น และสามารถปรับกลยุทธ์การเสนอขายกองทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้สามารถรักษาและขยายสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ได้อย่างต่อเนื่อง

โดยธุรกิจ บลจ. ของ Xsprig มีแนวทางบริหารที่แตกต่างจาก บลจ. รายใหญ่ทั่วไป ด้วยขนาดที่เล็กและต้นทุนดำเนินงานที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้มีข้อได้เปรียบความคล่องตัว เช่น การดิสรัปต์ตัวเองและขอไลเซนส์เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถนำกองทุนของ บลจ. อื่นมาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของ Xspring ได้

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney