บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ชี้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีก-กลุ่ม ICT แต่เป็นผลลบต่อกลุ่มรับเหมาฯ ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง โดย บล.เมย์แบงก์ฯระบุว่า ได้ศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 67 กับประมาณการกำไรปี 67 บนสมมติฐานขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศเริ่ม 1 ต.ค. 67
พบว่ากลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือกลุ่มค้าปลีกที่จะสร้าง Upside ต่อประมาณการกำไรปี 67 เฉลี่ย 0.8% และกลุ่ม ICT เป็นบวก 0.4% ขณะที่กระทบต่อประมาณการกำไรกลุ่มรับเหมาปี 67 เฉลี่ยลดลง -0.3% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ -0.9% กลุ่มยานยนต์ -0.5% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.5% แต่เชื่อผู้ประกอบการจะทยอยปรับตัวทำให้ผลกระทบจะน้อยกว่า
กลยุทธ์แนะหุ้นได้ประโยชน์จากปรับขึ้นค่าแรง ชอบ ADVANC จากการขยายตัวของ ARPU ขณะที่ระยะสั้นได้แรงหนุนจากโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้น หลังงบ 1Q67 ออกมาดีกว่าคาด 20% และ OSP ที่การขึ้นค่าแรงหนุน กำลังซื้อกลุ่มลูกค้า Lower Income ขณะที่คาดกำไรปี 67 ขยายตัวตามยอดขายและอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากประโยชน์ต้นทุนค่าไฟและก๊าซธรรมชาติลดลง
ปิดท้าย บล.ทรีนีตี้มองตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค.67 คาดดัชนีทรงตัว มีปัจจัยบวกกระตุ้นได้ คือการประกาศใช้มาตรการ Uptick rule ในการทำชอร์ตเซลล์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หากเกิดขึ้นได้เร็วน่าจะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนขึ้นมาได้บ้าง
แต่ปัจจัยที่จำกัด Upside ของดัชนีเดือนนี้ คือกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใหญ่ที่ยังคงอ่อนแอ ค่าเงินบาทที่อ่อนแอกว่าภูมิภาค และต้องระวัง Fund flow ที่เข้าสู่ช่วง Low season จากการขนเงินปันผลออกนอกประเทศของต่างชาติ กดดันต่อค่าเงินบาทและภาพรวมตลาด
คาด SET Index เดือนนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,400 จุด กลยุทธ์ด้านเทคนิคแนวรับอยู่ที่1,340-1,350 จุด หุ้นน่าสนใจเดือนนี้ คือกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท ได้แก่ COCOCO, PLUS, MALEE, AAI, ITC, STGT กลุ่มแบงก์ที่ความอ่อนแอของ NIM ได้ถูกสะท้อนเข้าไปอยู่ในสมมติฐานของนักวิเคราะห์ และราคาหุ้นไปมากแล้ว เลือก BBL, KTB, TTB
หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ BJC, TIDLOR, BCP, ITC!!
อินเด็กซ์ 51