กลุ่ม ปตท. PTT-PTTGC รับโชค ลุ้น ‘เศรษฐา’ เคลียร์พื้นที่ทับซ้อนกัมพูชา เปิดขุมทรัพย์ 10 ล้านล้าน

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กลุ่ม ปตท. PTT-PTTGC รับโชค ลุ้น ‘เศรษฐา’ เคลียร์พื้นที่ทับซ้อนกัมพูชา เปิดขุมทรัพย์ 10 ล้านล้าน

Date Time: 5 ม.ค. 2567 11:01 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ลุ้นรัฐบาล ‘เศรษฐา’ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา (OCA) สำเร็จ หวังได้แหล่งปิโตรเลียมใหม่ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ประเมินมูลค่าโครงการ 10 ล้านล้านบาท กลุ่ม ปตท.จ่อรับประโยชน์

Latest


ประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา (Overlapping Claims Areas) หรือ OCA มีปัญหามาอย่างยาวนาน ขณะที่ในอดีตได้มีการเจรจามาแล้วในหลายรัฐบาล และครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่จะมีการเจรจา ภายใต้รัฐบาลใหม่ โดยการนำของ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีการปรับแนวทางในการเดินหน้าเข้าไปใช้ประโยชน์ด้านพลังงานเท่านั้น และไม่เกี่ยวกับการแบ่งเขตแดน ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่าหากการเจรจาดังกล่าวสำเร็จ จะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเลียม


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมหารือเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (OCA) กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีกำหนดการจะเดินทางมาเยือนไทยในวันที่ 7 ก.พ. 2567 ซึ่งหากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเจรจา จะนำมาซึ่งปิโตรเลียม โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก ที่จะสร้างความมั่นคงให้กับทั้ง 2 ประเทศ


ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนปัจจุบันได้มีการกล่าวว่า รัฐบาลต้องมีการปรับแนวทางการเจรจากับทางกัมพูชาให้เดินหน้าเฉพาะเรื่องการเข้าไปใช้ประโยชน์ทางด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการแบ่งเขตแดน ซึ่งอาจจะเสนอรูปแบบการตั้งองค์กรหรือบริษัทร่วมกัน ที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเข้าไปมีหุ้นส่วน และได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ เพราะมองว่าการนำเรื่องการเจรจาไปผูกติดกับการใช้ประโยชน์เรื่องพลังงาน จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้


อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาประสบความสำเร็จจะถือเป็นประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ ในการนำปิโตรเลียม โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ ซึ่งมีอยู่ในปริมาณมาก แต่อาจจะยังต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอีกระยะหนึ่ง โดยมูลค่าโครงการนี้ที่ทางกระทรวงพลังงานได้ประเมินไว้จะอยู่ราว 10 ล้านล้านบาท และผลิตได้มากกว่า 20 ปี ซึ่งคาดว่าการผลิตจริงในหลุมขุดเจาะใหม่ที่อยู่ใกล้แหล่งเอราวัณ จะสามารถดำเนินการผลิตได้เร็วสุดภายใน 2 ปี เนื่องจากไทยมีท่อก๊าซฯอยู่แล้วในบริเวณใกล้เคียง ส่วนหลุมที่ไกลออกไปก็จะใช้เวลาประมาณ 5 ปี ที่จะสามารถผลิตก๊าซฯ ได้ ส่วนการลงทุนจะแบ่งเป็น 2 วิธี คือ 1) แบ่งพื้นที่ให้เอกชนผลิตสำรวจ 2) เปิดประมูลใหม่


ซึ่งในประเด็นนี้ จะเป็นบวกต่อผู้ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม อาทิ PTTEP, CHEVRON เป็นต้น รวมถึงในขั้นต่อไปก๊าซฯ ที่นำขึ้นมาได้จะเข้าสู่โรงแยกก๊าซฯ ซึ่งจะเป็นบวกต่อ PTT ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแยกก๊าซฯของไทยทั้ง 6 โรง


และสุดท้ายจะเป็นบวกต่อผู้ใช้ก๊าซฯ ได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบ โดยโรงงานปิโตรเคมีหลักในไทยที่มีการใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ PTTGC รวมถึงโรงไฟฟ้าจะมีต้นทุนก๊าซฯ ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงถูกลง โดยคาดราคา Pool Gas เฉลี่ยจะปรับตัวลดลงถ้าได้ก๊าซฯ ในแหล่งพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชามาเพิ่ม เพราะจะมีราคาต่ำกว่าราคา LNG ที่นำเข้า ดังนั้นโดยภาพรวมถือเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานในระยะยาวหากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเจรจา

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ