ก.ล.ต.กล่าวโทษ STARK 10 รายฉ้อฉล สั่งยึดทรัพย์ ให้อินเตอร์โพลตามล่า "ชนินทร์"

STARK ไม่รอด!! ก.ล.ต.กล่าวโทษ 10 ราย กระทำโดยทุจริตหลอกลวงประชาชน DSI บุกค้น 15 จุดรอบกรุง พร้อมประสานอินเตอร์โพลออกหมายจับ-ยึดอายัดทรัพย์ “ชนินทร์” ชิงหนีออกนอกประเทศแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษ บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564-65 เพื่อลวงบุคคลใดๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

แต่งงบเท็จ-ทุจริตหลอกลวง

โดยได้กล่าวโทษบุคคล ต่อไปนี้ 1.บริษัท STARK 2.นายชนินทร์ เย็นสุดใจ 3.นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ 4.นายชินวัฒน์ อัศวโภคี 5.นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ 6.นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม7. บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) 8.บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) 9.บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ 10.บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

ทั้งนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า บุคคลข้างต้นได้ร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อยปี 2564-65 เพื่อลวงบุคคลใดๆ อีกทั้ง STARK มีการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน โดยเปิดเผยงบการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงิน รวมทั้งปกปิดข้อความจริงในข้อมูล ในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ STARK ว่า ได้มีการเข้าลงทุนในบริษัท LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc แล้ว ทั้งที่ยังเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าวไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ ปรากฏว่าหลังจาก STARK ได้รับเงินหุ้นกู้และเงินเพิ่มทุน พบการโอนเงินออกจาก STARK และบริษัทย่อยไปยังบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินด้วย

การกระทำของบุคคลรวม 10 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดหลายมาตรา ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ปี 35 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 10 ราย ต่อ DSI เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากกรณีที่กล่าวโทษครั้งนี้แล้ว ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่นๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะมีการเปิดเผยให้ทราบต่อไป ในการตรวจสอบเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ประสานอินเตอร์โพลตามล่า

ขณะเดียวกัน ที่กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน DSI พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 นายวนรัชต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ STARK พร้อมทนายความ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี โดยขณะนี้นายวนรัชต์ยังเป็นเพียงผู้กล่าวหา ยังไม่ใช่ในฐานะพยานที่มีหมายเรียก

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี DSI และหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีโกงหุ้น STARK เปิดเผยว่า DSI ได้ออกหมายเรียกนายชนินทร์ อดีตประธานกรรมการ STARK มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ จากคดีโกงหุ้น STARK ซึ่งนายชนินทร์ได้ส่งหนังสือแจ้งเลื่อนหมายเรียก แต่ในทางการข่าวทราบว่านายชนินทร์ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศปลายทางสิงคโปร์ และ STARK ได้ขอศาลออกหมายจับแล้ว ส่วนขั้นตอนถัดไป ระหว่างที่สำนวนคดีใกล้แล้วเสร็จ จะประสานกับอินเตอร์โพลหรือ องค์การตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงแก่นายชนินทร์และขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามยึดอายัดทรัพย์เพิ่มเติม โดยได้อายัดทางทะเบียนไว้บ้างแล้ว เพื่อป้องกันการจำหน่าย จ่าย โอน และสัปดาห์หน้า ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 แก่ น.ส.ยสบวร อำมฤต เลขานุการของนายชนินทร์

ยึดทรัพย์-ห้ามออกนอกประเทศ

ส่วนปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ก.ค.66 DSI ได้เข้าตรวจค้นบริษัท STARK และบริษัทในเครือ รวมถึงบ้านและสำนักงานของผู้ต้องหาคือ นายชนินทร์, นายศรัทธา, น.ส.ยสบวร รวมทั้งสิ้น 15 จุดใน กทม.และปริมณฑล เบื้องต้นเป็นการตรวจค้นเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และฮาร์ดดิสก์ต่างๆ เพื่อนำมาประกอบพยานเอกสารในสำนวนคดีให้รอบด้านยิ่งขึ้น พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายวนรัชต์ พร้อมทนายความ ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายชนินทร์ นายศรัทธา และ น.ส.ยสบวร โดยนายวนรัชต์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดี โดยพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จาก ก.ล.ต., ผู้สอบบัญชีที่พบความผิดปกติและพยานบุคคลที่ให้ข้อมูลที่มีความสอดคล้องกัน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่าบุคคลใดต้องรับผิดทางอาญาบ้าง หากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดเพิ่ม พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.30 น..ก.ล.ต. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. อาศัยอำนาจตามความมาตรา 267 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดชุดแรก รวม 10 รายดังกล่าว เป็นเวลา 180 วัน เนื่องจากปรากฏพฤติการณ์การกระทำผิดที่มีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง โดยปรากฏมูลค่าความเสียหายจากหนี้สินของบริษัท STARK ที่มีมากกว่า 38,000 ล้านบาท และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้กระทำความผิดจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินออกไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีคำสั่งห้าม (1) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (2) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (3) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (4) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และ (5) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม มิให้ออกนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินอันควรสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร โดยหลังจากนี้ ก.ล.ต.จะไปร้องขอต่อศาลอาญาเพื่อออกคำสั่งห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรต่อไป.