พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า วานนี้ (3 ก.ค.) ได้ประชุมความคืบหน้าคดีหุ้น STARK และได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท โดยให้เข้ารับทราบข้อหาวันที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 10.30 น. และนายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตกรรมการ ให้เข้ารับทราบข้อหาวันที่ 7 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยจากพยานหลักฐานและคำให้การของพยานบุคคล พบว่า ทั้งคู่มีพฤติการณ์ตกแต่งบัญชี และได้รับผลประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ส่วนถ้าทั้งคู่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ก็เป็นสิทธิ์ที่กระทำได้ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังเดินหน้าเร่งตรวจสอบพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกบุคคลอื่นๆ เพิ่มเติม
สำหรับข่าวก่อนหน้านี้ว่า นายศรัทธาได้ส่งหนังสือชี้แจงกับดีเอสไอนั้น พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว นอกจากนี้ ได้รับทราบข้อมูลว่า นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค ได้ประสานมายังดีเอสไอว่าจะเข้าพบคณะพนักงานสอบสวน วันที่ 5 ก.ค.นี้ โดยจะเป็นตัวแทนของบริษัทร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลเพิ่มเติม แต่ตนยังไม่ได้ตอบรับนัดหมายอย่างเป็นทางการ
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ คณะกรรมการ (บอร์ด) กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าปัญหาสตาร์ค ซึ่งได้เร่งรัดให้สร้างความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย และคุ้มครองผู้ลงทุนรายย่อย
อีกทั้งกำชับให้ ก.ล.ต. และ ตลท.หารือแนวทางการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดกรณีซ้ำรอยอีก เพราะมีข่าวว่ามีอีกหลายบริษัทที่เข้าข่ายและมีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน สำหรับการตรวจสอบบัญชีของสตาร์คนั้น หากหน่วยงานตรวจสอบกระทำความผิด ต้องเอาผิดทั้งหน่วยงานและตัวบุคคล ขณะที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ปัญหาสตาร์คคนที่ทำความผิดต้องได้รับผิดและคนที่อยู่ในกระบวนการนี้ต้องรับผิดร่วมกัน.