
นายเอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจดิจิทัลและออนไลน์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี เปิดเผยกับไทยรัฐมันนี่ ว่า เราได้ปรับคำแนะนำกับลูกค้าในด้านการลงทุนโดยให้ลดพอร์ตการลงทุนจากประเทศไทย และเพิ่มการลงทุนในหุ้นของญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้มองว่าความเสี่ยงในด้านการลงทุนในไทยมีเพิ่มสูงมากขึ้นแต่ในเวลาเดียวกันประเทศญี่ปุ่นเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นของตลาดและดัชนีตลาดหุ้นกำลังลุ้นทดสอบทำจุดสูงสุดใหม่
“เรามองตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังน่าสนใจลงทุน แม้ที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะถูกมองว่ามีทศวรรษที่ไม่ดีนัก จนถูกเรียกว่าเป็น The Lost Decade แต่หากมองในด้านการลงทุนตอนนี้เราจะพบว่าหุ้นญี่ปุ่นกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ในด้านการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังมีลุ้นทำ All time high และราคาหุ้นหลายตัวในตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นปีเฉลี่ย 5 -40% สะท้อนความเป็นเทรนด์ขาขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นแม้จะเผชิญปัญหาเพดานหนี้ที่กำลังสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น
แต่หากดูในรายละเอียดจะพบว่า ตลาดได้ปรับตัวลดลงไปแล้วก่อนหน้านี้และเชื่อว่าหากเกิดปัญหาขึ้นจริงอาจส่งผลกระทบไม่มากนัก อีกทั้งราคาหุ้นเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้ดี โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI บล็อกเชน ที่ปรับตัวลดลงไปแรงก่อนหน้าตอนนี้ราคาเริ่มกลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาในภาพของกราฟเทคนิค ในระยะกลางถึงยาวนั้นเป็นขาลงเต็มตัวแล้ว แต่ในระยะสั้นหากจะพิจารณาหาหุ้นลงทุนยังสามารถเข้าลงทุนได้ ซึ่งจากการสถิติการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในอดีตเราพบว่า ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวลดลงแต่จะมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็มกลุ่มค้าปลีก อย่าง CPALL หรือ MAKRO ที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดี