ปรับพอร์ตเข้าหุ้น Defensive!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 เม.ย.66 ปิดที่ 1,577.07 จุด บวก 5.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 34,009.37 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 562.04 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 10.90 บาท บวก 0.10 บาท, DELTA ปิด 914 บาท บวก 32 บาท, SCB ปิด 103.50 บาท บวก 0.50 บาท, COM7 ปิด 27.50 บาท บวก 0.50 บาท, AOT ปิด 72 บาท บวก 0.25 บาท
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนแรงซื้อหุ้น DELTA ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายรวมที่ค่อนข้างเบาบางเนื่องจากใกล้วันหยุดยาว ประกอบกับตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียหลายแห่งปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำให้ปรับพอร์ตสู่หุ้นกลุ่ม Defensive รับวันหยุดยาวตลาดหุ้นไทย แต่อาจยังไม่ใช่จังหวะในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนแต่หมุนเงินเข้าพักในกลุ่ม Defensive อาทิ โรงไฟฟ้า, สื่อสาร และการแพทย์ เป็นต้น ขณะที่เงินเฟ้อไทย เดือน มี.ค. +2.83% YoY ต่ำกว่าคาดที่ +3.30% YoY เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, สื่อสาร

ส่วนประเด็นผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,203 MW โดยรวมออกมาใกล้กับคาด บริษัทที่ได้กำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นมาก เช่น GULF, GUNKUL, SSP, ETC

ขณะที่ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้า ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐฯ, เงินเฟ้อจีน, รายงานการประชุมเฟด, ตลาดหุ้นไทยหยุดเทศกาลสงกรานต์

โฟกัสหุ้นรายตัว บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น AU โดยคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรในปีนี้ จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของรายได้กลับไปก่อน COVID-19 อานิสงส์จากลูกค้าทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การขยายสาขา After You เป็นไปตามแผนปีนี้ที่ 15 สาขา พร้อมกับการขยายแฟรนไชส์ Mikka, คาดกำไร 1Q23F จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ให้ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 15 บาท

และหุ้น BBL คาดกำไร 1Q23F อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.3% YoY และ 32.9% QoQ โดยคาดการณ์ PPOP สำหรับ 1Q23 ของ BBL ไว้ค่อนข้าง Conservative และหากผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ ตลาดน่าจะตอบรับเชิงบวก โดยเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม ให้ราคาเป้าหมายตามพื้นฐาน 173 บาท!!

อินเด็กซ์ 51