ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 ก.ค.65 ปิดที่ 1,533.43 จุด ลดลง 11.38 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 57,674.57 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,562.83 ล้านบาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่ง Sideway Down ในกรอบ 1,500-1,550 จุด ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย และความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 30% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ลดลงจากระดับกว่า 80% ในสัปดาห์ที่แล้ว และให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หลังสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางฟินแลนด์เผยว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันที่ 21 ก.ค. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือน ก.ย. ประกอบราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลงจากความกังวลที่จีนกลับมาล็อกดาวน์หลังผู้ติดเชื้อโควิดพุ่ง ดังนั้นคาด GDP จีนปี 65 มีแนวโน้มโตลดลง หลัง GDP 2Q65 ขยายตัวเพียง 0.4% YoY ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1.5% YoY ทำให้ 1H65 GDP โตเพียง 2.5% เนื่องจากจีนล็อกดาวน์เมืองสำคัญในเดือน มี.ค.-เม.ย.65
ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังคงจับตาศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 19-22 ก.ค.65 ซึ่งมีกำหนดลงมติ 23 ก.ค.นี้ การประกาศผลดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 2 ปี 65 และครึ่งแรกปี 65
ด้านสถานการณ์ต่างประเทศ มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.65 ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR สหรัฐฯรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือน มิ.ย. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติ อัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และการประชุม FED เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น 3 กลุ่มเด่น 1.หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง 10% YTD หนุนรายได้และการทำกำไรกลุ่มส่งออก โดยหุ้นที่น่าลงทุน คือ GFPT, TFG, CPF, CFRESH 2.คือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ได้แก่ KBANK, SCB และ BLA
กลุ่มที่ 3 หุ้น Defensive ซึ่งมีรายได้สม่ำเสมอมีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจต่ำ ได้แก่ TTW, EGCO, GPSC, BGRIM และ GULF!!
อินเด็กซ์ 51