
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ในปี 2563 นี้ ต่างชาติเดินหน้าขายหุ้นไทยทุกเดือน ด้วยมูลค่ารวมกว่า 2.31 แสนล้านบาทนับจากต้นปีกดดันตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 16.3%ytd ซึ่งลดลงมากที่สุดเป็นอันดับที่ 30 ของตลาดหุ้น 93 แห่งทั่วโลก
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Spotlight ยังไม่ถูกฉายลงมาที่ตลาดหุ้นไทย คือ แนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และต่ำกว่าที่ตลาดคาดมาก
ซึ่งจาก Bloomberg Consensus ตอนต้นปี 2563 ประเมิน EPS63F ของตลาดอยู่ที่ 102 บาท/หุ้น ปรับลดลงมาต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 60.3 บาท/หุ้น (ลดลงถึง 40%) จนทำให้ EPS63F ลดลง 35% YoY เมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดหุ้นสำคัญๆของโลก อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตอนต้นปี 2563 คาดว่า EPS63F ของตลาดอยู่ที่ 174.48 บาท/หุ้น แต่ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 129.18 บาท/หุ้น (ลดลงถึง 26%) จนทำให้ EPS63F ลดลง 21% YoY เท่านั้น
แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ลดลงแรงเมื่อเทียบกับปีก่อน บวกถึงแนวโน้มกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาดมาก เป็นส่วนสำคัญที่จำกัดการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นไทยให้ปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ
ดังนั้น เอเซียพลัสจึงทำการคัดกรองหุ้นเล็กที่มีความโดดเด่น ทั้งในมุมผลประกอบการและได้แรงหนุนต่อเนื่องจากการจ่ายปันผลระหว่างกาล รวมทั้งเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนการถือครองของต่างชาติน้อย ทำให้ได้แรงผลักจากนักลงทุนในประเทศแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้ผลลัพธ์ 5 บริษัทดังนี้ MCS-STA-RJH-INSET-TKN!!
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัคซีน หลังล่าสุดมีประเด็นข่าววัคซีนของรัสเซียได้รับอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย และเริ่มทดลองในคนแล้ว
แนะนำ “สะสม” หุ้น MINT, CENTEL, ERW, CRC, BJC, MAJOR!!
อินเด็กซ์ 51