ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ม.ค.60 ปิดที่ 1,791.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.49 จุด เดินหน้าทำนิวไฮเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องท่ามกลางมูลค่าซื้อขาย 90,816.95 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,074.8 ล้านบาท
หุ้นไทยบวกสดใสทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถทำสถิตินิวไฮได้ต่อเนื่อง ขณะที่ บล.ทิสโก้มองตลาดระยะสั้นยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง รับแรงซื้อหุ้นไทยจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น
ทิสโก้แนะกลยุทธ์ให้รอเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวใกล้บริเวณแนวรับ และขายเมื่อดัชนีเข้าใกล้แนวต้านโดยให้กรอบแนวรับที่ 1,771-1,780 จุด และแนวต้านที่ 1,790-1,800 จุด เน้นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น
แต่ให้ระวังช่วงที่ดัชนีที่เข้าใกล้แนวต้าน 1,800 จุด เนื่องจากดัชนีปรับขึ้นค่อนข้างเร่งตัว ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะขายทำกำไรออกมามาก ประกอบกับขณะนี้ยังไม่พบแรงขายของนักลงทุนสถาบันจากการไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนดออกมา ซึ่งหากดัชนีปรับขึ้นต่อน่าจะกระตุ้นให้เกิดแรงขาย!!
ขณะที่มีมุมมอง เรื่องราคาน้ำมัน จาก บล.เอเซียพลัสที่น่าสนใจ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทั้งดูไบ ไนเม็กซ์ และเบรนท์ทำ new high ในรอบกว่า 2 ปี มาอยู่ที่ 65.29, 60.37 และ 66.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็นผลจากโอเปกขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปี 61 จากเดิมจะสิ้นสุด มี.ค.61 รวมทั้งปัญหา supply ที่อาจเกิดขึ้น จากการเมืองในอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโอเปก
ขณะที่มีรายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดทำให้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบ อาจสูงกว่าสมมติฐานที่ฝ่ายวิจัยฯให้ไว้ที่ 60 และ 65 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในปี 61 และ 62 ทั้งหมดนี้ เป็นผลบวกต่อกำไรและมูลค่าพื้นฐานของหุ้น PTT และ PTTEP เบื้องต้นพบว่าทุกๆ 5 เหรียญฯต่อบาร์เรลที่ปรับขึ้น จะทำให้กำไรของ PTT และ PTTEP เพิ่มขึ้น 9-10% และ 4-5% จากเดิมขณะที่มูลค่าพื้นฐานของหุ้น PTT และ PTTEP จะเพิ่มขึ้นราว 9 บาท และ 7 บาทต่อหุ้นตามลำดับ
จึงคงคำแนะนำซื้อ โดย PTT ให้ราคาพื้นฐาน 500 บาท ส่วน PTTEP 118 บาท!!
อินเด็กซ์ 51