ทำไง ถึงจะรวย

Experts pool

Columnist

สาธิต บวรสันติสุทธิ์

สาธิต บวรสันติสุทธิ์

Tag

ทำไง ถึงจะรวย

Date Time: 9 พ.ย. 2568 09:01 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

คนรวยเน้นออมและลงทุนอย่างต่อเนื่องในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์

  • หลีกเลี่ยงหนี้บริโภค โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตดอกเบี้ยสูง
  • กระจายความเสี่ยงในการลงทุนในหลายสินทรัพย์และหลายภูมิภาค
  • มีเป้าหมายระยะยาวทางการเงินและให้ความสำคัญกับมูลค่ามากกว่าราคา
  • อ่านหนังสือ เรียนรู้ตลอดชีวิต และเลือกคบสังคมแวดล้อมที่ดี

Latest


ในวงการการลงทุน จะกล่าวกันอยู่เสมอว่า องค์ประกอบของการลงทุนให้ประสบความสำเร็จจะต้องมี 3 องค์ประกอบหลัก หรือที่เรียกกันว่า 3M ได้แก่

  • กลยุทธ์และระบบลงทุน (Method) คิดเป็น 10%
  • การบริหารความเสี่ยงและการบริหารเงินหน้าตัก (Money management) คิดเป็น 30% และ
  • จิตวิทยาและกระบวนการคิด (Mindset) ในการลงทุนคิดเป็น 60%

หมายความว่า จิตวิทยาและกระบวนการคิด หรือพูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ ก็คือ นิสัยมีผลต่อความสำเร็จมากที่สุด ผมเองเคยถามเพื่อนที่เป็นนักขายประกันที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งว่า ทำอย่างไรถึงมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นคนรวยได้มากขนาดนี้

เพื่อนตอบว่า “ถ้าอยากจับปลาทะเล เราต้องออกมหาสมุทร ถ้าอยากมีลูกค้าคนรวย เราต้องอยู่ในกลุ่มคนรวย ใช้ชีวิตในสังคมคนรวย”

ฟังแล้ว ก็จริงแฮะ ถ้าเราอยากรวย เราก็ควรจะมีนิสัยหรือวิธีคิดแบบคนรวยเหมือนกัน แล้วคนรวยมีนิสัยอย่างไร

ว่าแล้ว ก็เลยพยายามหารายงานวิจัยที่พูดเกี่ยวกับนิสัยคนรวยทั่วโลก โชคดีพบรายงานวิจัยของ Thomas J. Stanley (The Millionaire Next Door, 1996), Credit Suisse Global Wealth Report และงานด้าน Behavioral Economics

นิสัยหลักของคนรวยในหลากหลายแง่มุมที่พบจากการวิจัย มีสิ่งที่น่าสนใจ สรุปได้ ดังนี้

ด้านการเงิน

ออมและลงทุนต่อเนื่อง: คนรวยมักกันรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการลงทุน เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ กองทุน ฯลฯ Warren Buffett เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในปี 2004 ว่า

“ถ้าคุณลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีต้นทุนต่ำโดยที่ไม่ลงทุนหนัก ๆ ในครั้งเดียวแต่ลงทุนถัวเฉลี่ยอย่างน้อยเป็นเวลา 10 ปี คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า 90% ของนักลงทุนที่ลงทุนในเวลาเดียวกัน”

“ให้ซื้อเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะดีหรือแย่ และโดยเฉพาะตอนที่มันแย่”

ไม่เน้นหนี้บริโภค: ใช้หนี้อย่างมีวินัย โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยสูง เหมือนอย่างที่ Warren Buffett เคยเล่าว่า

“จำได้ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งมาหาผมเมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้เงินมา แล้วถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดี?”

Warren Buffett ถามกลับว่า “แล้วคุณติดหนี้บัตรเครดิตบ้างมั้ย?”

หญิงที่เป็นเพื่อน ตอบว่า “ยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่จำนวนหนึ่ง คาดว่ามีดอกเบี้ย 18%”

Warren Buffett ตอบกลับว่า “ผมก็ไม่เคยรู้ว่าจะทำอะไรให้ได้เงิน 18% ถ้าผมติดหนี้ด้วยดอกเบี้ย 18% ผมต้องจนอย่างแน่นอน และถ้าผมได้เงินมา ผมก็จะไปจ่ายหนี้นั้นให้หมดก่อน”

และ Buffett ทิ้งท้ายว่า...

“ผมคิดว่าผู้คนควรที่จะเลี่ยงใช้บัตรเครดิตเพื่อก่อหนี้ เหมือนกับเลี่ยงใช้เงินในกระปุกออมสินที่บ้าน”

เสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยตระหนักในเรื่องนี้ เพราะประเภทหนี้สินที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด ได้แก่ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และ หนี้บัตรเครดิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อการบริโภค โดย

  • หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Unsecured Personal Loan): เป็นหนี้ที่คนไทยเป็นมากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 39% ของหนี้ครัวเรือน
  • หนี้บัตรเครดิต (Credit Card Debt): เป็นหนี้ที่มาเป็นอันดับสอง คิดเป็น 29% ของหนี้ครัวเรือน

กระจายความเสี่ยง: ลงทุนหลายสินทรัพย์ และในหลายภูมิภาค เหมือนอย่างที่เราได้ยินบ่อยๆ ก็คือ “อย่าวางไข่ในตะกร้าใบเดียว” เพราะถ้าเกิดทำตก ไข่ในตะกร้าก็จะแตกหมด

ด้านการทำงานและทัศนคติ

คนรวยจะมีเป้าหมายระยะยาว: วางแผนทางการเงินเป็น 10–20 ปี

โฟกัสที่มูลค่า ไม่ใช่แค่ราคา ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาจะซื้อของ อันดับแรกให้พิจารณาว่า ของชิ้นนั้น จำเป็นหรือไม่ ซื้อมาแล้วได้ใช้หรือไม่ ไม่ใช่เจอของถูก ของลดราคา โปรโมชั่นพิเศษ อย่างเช่น 1 เดือน 1, 2 เดือน 2,..., 9 เดือน 9 ฯลฯ ตาลุกวาว รีบกดซื้อ กลัวโค้ดหมด กลัวของหมด แต่สุดท้ายซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ เท่ากับเราซื้อขยะมารกบ้านเพิ่มอีก 1 ชิ้น ของที่ถูกกลายเป็นของแพงไปเลยทันที คนรวยจะเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ คือ สร้างมูลค่าให้กับชีวิต เช่น สุขภาพ ความรู้ ความสัมพันธ์ ฯลฯ การโฟกัสที่มูลค่า หมายถึงการมุ่งเน้นความสนใจไปที่สิ่งที่สร้างคุณค่าอย่างแท้จริง โดยพิจารณาจากเป้าหมายที่ชัดเจน การจัดลำดับความสำคัญของงาน และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

การประยุกต์ใช้ "โฟกัสที่มูลค่า" ในชีวิตประจำวันและการทำงาน:

ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน: หาเวลาทบทวนว่าคุณต้องการอะไรและสิ่งใดสำคัญที่สุด

จัดลำดับความสำคัญ: มุ่งเน้นพลังงานและเวลาไปที่งานสำคัญเพียงไม่กี่อย่างแทนที่จะกระจายไปกับหลายเรื่องที่ไม่เกิดผลลัพธ์ อาจใช้หลักพาเรโต (Pareto Principle): ให้ความสำคัญกับ 20% ของงานที่สร้างผลลัพธ์ 80%

สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการโฟกัส: ลดสิ่งรบกวน เช่น ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น หรือการเช็กอีเมลบ่อยเกินไป

ฝึกสมาธิและสร้างวินัย: เพื่อให้สามารถควบคุมพลังงานและโฟกัสได้ดีขึ้น

สร้างรายได้หลายทาง: เช่น ธุรกิจ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ

ด้านการศึกษาและความรู้

อ่านหนังสือและเรียนรู้ตลอดชีวิต

ลงทุนกับการศึกษา ของตัวเองและบุตรหลาน ขอยกคำพูดของ Warren Buffett อีกนะ “การลงทุนในตัวเอง เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้คุณได้อย่างมหาศาลและไม่สามารถถูกพรากไปได้ง่ายๆ”

ด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต

ประหยัดแบบมีเหตุผล: งานวิจัยชี้ว่า คนรวยส่วนใหญ่มักไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินฐานะ อะไรที่จำเป็น ก็ซื้อ อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ซื้อ เคล็ดลับการใช้เงินของเศรษฐีข้อหนึ่งที่ผมเคยได้ยินเสมอ ก็คือ “ไม่ใช้ ไม่ซื้อ ต่อให้ลดราคา ก็ไม่ซื้อ”

เลือกสังคมแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจ อันนี้ตรงกับมงคล 38 มูลเหตุแห่งความสุขจำนวน 38 ประการ ที่ช่วยส่งเสริมความสุข และความก้าวหน้า ข้อ 1 คือ การไม่คบคนพาล และ ข้อ 2 คือ การคบบัณฑิต

สุขภาพมาก่อน: ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและอาหาร ผมนึกถึงคำพูดของอาจารย์หมอท่านหนึ่ง กล่าวไว้น่าฟังมาก

“ถ้าเรามีสุขภาพดี เราจะมีทุกอย่าง ถ้าเรามีสุขภาพแย่ เราจะเสียทุกอย่าง” เพื่อนๆ ว่า “จริงมั๊ย?”

ดูๆแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะเริ่มมีนิสัยแบบคนรวย แต่สิ่งที่ยาก ก็คือ “เรามักจะเลิกทำเร็วเกินไป” เรามาลองตั้งปณิธานกันตอนนี้เลยดีมั๊ย ไม่ต้องรอปีใหม่ว่า “เราจะมีนิสัยแบบคนรวยตั้งแต่ตอนนี้อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2569” เชื่อนะว่า แม้เราจะไม่รวยแบบเศรษฐีเขา แต่เราจะรวยกว่าตอนนี้แน่นอน


Author

สาธิต บวรสันติสุทธิ์

สาธิต บวรสันติสุทธิ์
นักวางแผนการเงิน CFP