9 ธีมเศรษฐกิจการลงทุนในปี 2026

Experts pool

Columnist

Tag

9 ธีมเศรษฐกิจการลงทุนในปี 2026

Date Time: 18 ต.ค. 2568 08:01 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

ปี 2026 ถูกคาดว่าจะเป็นปีท้าทายสำหรับนักลงทุนทั่วโลกและในไทย เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า วิกฤติการคลัง และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี โดยสรุปเป็น 9 ธีมสำคัญ นักลงทุนจึงควรเน้นกลยุทธ์ที่ผสมระหว่างหุ้นที่มี Earnings Growth หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ และหุ้นได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ย พร้อมบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ค่าเงิน และภัยไซเบอร์อย่างเข้มงวด

Latest


ปี 2026 จะเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน ทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และวิกฤตการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น มาดู 9 ธีมสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการลงทุนในปีหน้า

ธีมที่ 1: เศรษฐกิจโลก - ปีแห่งสองครึ่ง

ในครึ่งปีแรกของปี 2026 เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวจากภาษีศุลกากรสหรัฐ แต่ครึ่งหลังจะฟื้นตัวเมื่อมาตรการกระตุ้นเริ่มส่งผลบวก ประกอบกับภาคธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่ดอกเบี้ยสหรัฐจะลดในครึ่งแรก 1-2 ครั้ง แต่ครึ่งหลังต้องคงไว้เพราะเงินเฟ้อเร่งตัว โดยเราคาดดอลลาร์จะอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปีจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)

ธีมที่ 2: วิกฤตการคลังโลก - จับตาไตรมาส 2/2026

ภาพการคลังทั่วโลกกำลังส่งสัญญาณเตือนภัย หลังความล้มเหลวในการสร้างวินัยการคลังผ่านการคุมการใช้จ่ายของรัฐบาลทั่วโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่หลัง COVID-19 อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปีของประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มขึ้น 300-500 bps โดยสหรัฐฯ จะเป็นศูนย์กลางความเสี่ยง จากการขาดดุล 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี จ่ายดอกเบี้ย 1 ล้านล้านดอลลาร์ (20% ของรายได้รัฐบาล) สูงกว่าปกติมาก ทั้งนี้ โดยภาพรวม พันธบัตรระยะยาวทั่วโลกพุ่งขึ้น 300-500 bps นับตั้งแต่หลัง COVID-19

ไตรมาส 2/2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะ (1) เงินเฟ้อสหรัฐจะแตะ 3-3.5% (2) ภาระรายจ่ายเพิ่มขึ้น (3) ประธาน Fed ครบวาระพฤษภาคม หากเกิด "fiscal dominance" ที่รัฐบาลบังคับ Fed ผ่อนคลายท่ามกลางเงินเฟ้อสูง อาจวิกฤตความเชื่อมั่นเงินดอลลาร์

ธีมที่ 3: สงครามการค้า - Global South รวมตัว

หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีทั่วโลก (โดยเฉพาะ BRICS เช่น อินเดีย 50%, บราซิล 50% และ จีนที่ขู่จะขึ้นถึงกว่า 130%) ผลักดัน BRICS รวมตัวกันแทน กรณีอินเดียน่าสนใจ เพราะหลังจากถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีก็กลับหันไปปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน บ่งชี้ยุทธศาสตร์สหรัฐฯ กำลังล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า สงครามร้อนยังไม่เกิด เพราะ BRICS ไม่สามัคคีกันจริง อินเดียและจีนยังมีข้อพิพาทชายแดน บราซิลและแอฟริกาใต้ต้องการรักษาสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ขณะที่ UAE และอียิปต์ยังเป็นพันธมิตรทางความมั่นคงของสหรัฐฯ

ธีมที่ 4: AI - Wide Adoption และพลังงานพุ่งสูง

ในปี 2025 คนทั่วไปใช้ AI มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อความบน ChatGPT เพิ่มจาก 213 ล้าน/วัน (มิ.ย. 2024) เป็น 716 ล้าน/วัน (มิ.ย. 2025) โดยโหมด "automation" (ให้ AI ทำงานแทน) เริ่มมากกว่าโหมด "augmentation" (ใช้เป็นผู้ช่วย) เป็นครั้งแรก CEO ของ Alphabet เผยว่า AI สร้างโค้ดใหม่ 30% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

ในปี 2026 จะเป็นโอกาสการลงทุน Data Center และ Smart Grid โดย ChatGPT ใช้ไฟฟ้า 2.9 watt-hours ต่อคำถาม เทียบกับ Google search เพียง 0.3 watt-hours ซึ่ง Goldman Sachs ประเมินต้องลงทุนระบบสายส่งไฟฟ้า 7.2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ยุโรปต้องใช้ 8.0-8.5 แสนล้านยูโร

ธีมที่ 5: La Niña - ภัยพิบัติรุนแรงขึ้น

องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ระบุโอกาส 71% ที่ La Niña จะเกิดขึ้นช่วงต.ค.-ธ.ค. 2025 และคงอยู่ถึงต้นปี 2026 นำมาซึ่งอุทกภัย ภัยแล้ง และพายุไต้ฝุ่นรุนแรงขึ้นทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าโลกกำลังเข้าใกล้ "tipping points" หลายจุด เช่น น้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย (ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 7 เมตร) ป่าอเมซอนพังทลาย และ AMOC ล่มสลาย ความเสี่ยงภัยธรรมชาติจะรุนแรงมากขึ้นในปี 2026

ธีมที่ 6: เศรษฐกิจไทย - อ่อนแอ แต่นโยบายดี

เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวรุนแรงในไตรมาส 4/2025 และครึ่งแรกของปี 2026 อาจขยายตัวต่ำกว่า 1% ทำให้ GDP ทั้งปีโต 1.8% (2025) และ 1.4% (2026) นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากบาทแข็งค่าและผันผวน (กระทบส่งออก) ประกอบกับการที่สถาบันจัดอันดับเครดิตอย่าง Fitch และ Moody's ปรับมุมมองไทยเป็น 'เชิงลบ'

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการ 5 ประการเพื่อช่วยบรรเทา ได้แก่ (1) คนละครึ่ง Plus (44,000 ล้านบาท), (2) แก้หนี้ AMC (26,000 ล้านบาท), (3) ค้ำประกัน SME (50,000 ล้านบาท), (4) เพิ่มการออม ผ่านการเร่งออกพันธบัตรออมทรัพย์และสลากออนไลน์เพื่อการออม และ (5) BOI Fast Pass Plus (470,000 ล้านบาท) คาดช่วยดึง GDP ไตรมาส 4 ให้ขยายตัว 0.8-1.0%

ธีมที่ 7: K-Shape Recovery – คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง

ในช่วงที่ผ่านมา คนรวยและบริษัทใหญ่ฟื้นตัวรวดเร็ว แต่ SME และรากหญ้าดิ้นรน SME (99.5% ของธุรกิจ จ้างงาน 69.5%) เผชิญวิกฤตเงินทุนรุนแรงสุดนับตั้งแต่ปี 1997 สินเชื่อภาคเอกชนหดตัวครั้งแรก (ธ.ค. 2024) ขณะที่หุ้นกู้วงเงินกว่า 135,000 ล้านบาทจะครบกำหนดในปี 2025 อาจผิดนัดชำระ

ไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยมีค่าสัมประสิทธิ์จินีที่ 43.3% ข้อมูลจาก World Bank แสดงว่า 10% ของคนรวยที่สุดครอบครอง 75% ของความมั่งคั่งทั้งหมดและมีรายได้เกือบ 50% ของรายได้ประชาชาติ ในขณะที่ 50% ของประชากรที่ยากจนที่สุดมีรายได้เพียง 13% ของรายได้ประชาชาติ

ปี 2026 จะเป็นปีที่ความเหลื่อมล้ำยิ่งรุนแรงขึ้น จากคนรวยและธุรกิจขนาดใหญ่ที่ไปต่อได้ ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็ก SMEs และคนตัวเล็ก จะประสบปัญหารุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นทั้งวิกฤต (ที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลไม่ให้ผลกระทบรุนแรง) และโอกาส (สำหรับธุรกิจที่มุ่งเน้นต่อยอดลูกค้าระดับบน เช่น ลูกค้ากลุ่ม Wealth)

ธีมที่ 8: โครงสร้างพื้นฐาน - ปีวางรากฐาน

รัฐบาลอนุทิน ที่มีอายุเพียง 4 เดือน จะเป็น "ผู้วางรากฐาน" ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเน้นสร้างความชัดเจนทางกฎหมายและผลักดันอนุมัติ เช่น (1) ปิดการเจรจา-อนุมัติ โครงการสำคัญ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (เหลือแก้ไข 5%) และทางพิเศษ M7, M9, M5, M6 (2) เตรียมเปิดประมูล 2026 Land Bridge (990,000 ล้านบาท), รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 2, และ (3) ผลักดันร่าง พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจภาคใต้

ธีมที่ 9: อาชญากรรมไซเบอร์ - บัญชีม้าและคอลเซ็นเตอร์

ในช่วงที่ผ่านมา ประเด็นอาชญากรรมไซเบอร์สร้างความเสียหายกับประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยบัญชีม้าสร้างความเสียหาย 100,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2022 มีบัญชีม้าใช้งาน 500,000+ บัญชี คนไทย 200,000 คนถูกหลอกเปิดบัญชี รัฐยึดบัญชีม้าไปแล้ว 1.5 ล้านบัญชี (พ.ย. 2023-ม.ค. 2025)

ไทยเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (พม่า กัมพูชา ลาว) มีผู้ถูกค้ามนุษย์ 200,000+ คน สร้างความเสียหาย 43,800 ล้านดอลลาร์ต่อปี (40% ของ GDP รวม 3 ประเทศ) ชาวอเมริกันเสียเงิน 10,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024

ในปี 2026 ภาครัฐจะต้องเข้มงวดขึ้นในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ มาตรการปราบปรามผ่าน พ.ร.ก. ไซเบอร์แก้ไข (เม.ย. 2025) มีบทลงโทษรุนแรงมากขึ้น และมอบความรับผิดสถาบันการเงิน-โทรคมนาคม อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจและประชาชนจะต้องลงทุนในการป้องกันความเสี่ยงภัยไซเบอร์มากขึ้น มิฉะนั้นจะเป็นความเสี่ยงอันดับต้นของทั้งธุรกิจและการดำเนินชีวิต

ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำดังนี้

ธีมแรกคือ Earning Play หรือหุ้นที่ผลงาน เติบโตดี เราแนะนำ ADVANC BCP KTB LHSC OR PTT TRUE ที่ยังมี Upside จากแนวโน้มธุรกิจที่ดี

ธีมที่สองคือหุ้นได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง คาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในธันวาคมนี้ และปีหน้า 2 ครั้งใน 1H69 หุ้นที่ต้นทุนการเงินลดลงแนะนำ CENTEL GPSC TRUE ส่วนหุ้นที่กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้นแนะนำ AP MTC TIDLOR และ

ธีมสาม ได้แก่ หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เช่น กลุ่มท่องเที่ยวจากมาตรการเที่ยวเมืองรองแนะนำ CENTEL ERW กลุ่มไฟแนนซ์จากมาตรการพักหนี้และสินเชื่อรายย่อยแนะนำ MTC TIDLOR ส่วนกลุ่มนิคมและโรงไฟฟ้าจากมาตรการหนุน Data Center แนะนำ WHA AMATA GULF BGRIM BCPG หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า แนะนำ KCE HANA TU รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการคนละครึ่งพลัส อันได้แก่ กลุ่มค้าปลีกและอาหารแนะนำ CPAXT BJC (มีฐานลูกค้าโชห่วย ร้านอาหาร) TNP (เป็นร้านธงฟ้า) CPALL CBG OSP ICHI

ขอให้นักลงทุนโชคดี


Author

ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์

ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์
หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.InnovestX บริษัทการเงินการลงทุนในกลุ่ม SCBX