ธรรมนูญครอบครัว กุญแจสู่ความมั่งคั่งไม่ขัดแย้ง

Experts pool

Columnist

ธีรภาพ อัญญานุภาพ

ธีรภาพ อัญญานุภาพ

Tag

ธรรมนูญครอบครัว กุญแจสู่ความมั่งคั่งไม่ขัดแย้ง

Date Time: 14 ก.ย. 2568 10:11 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ธรรมนูญครอบครัว คือ ข้อตกลงร่วมของครอบครัวในการบริหารจัดการ และวางกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันในธุรกิจและครอบครัว เพื่อคงความเป็นเจ้าของ และส่งต่อความมั่งคั่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น

Latest


ถ้าถามถึงความมั่งคั่งของธุรกิจครอบครัว หลายคนมักมองถึงการมีธุรกิจใหญ่โต มีเงิน มีทรัพย์สินเยอะๆ แต่ถ้าจะให้ความมั่งคั่งนี้ยั่งยืน ส่งต่อสู่รุ่นถัดไป ความมั่งคั่งด้านการเงินอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ เพราะทุกคนคงเห็นจากธุรกิจครอบครัวของคนใกล้ตัว หรือไม่ก็ตามข่าวที่เป็นครอบครัวที่มีความมั่งคั่งทางการเงินสูง แต่กลับทะเลาะจนถึงขั้นฟ้องร้องกระทบต่อชื่อเสียง เสียเงินหลักสิบหลักร้อยล้านเพราะการทะเลาะห้ำหั่นกันในชั้นศาล ที่ปลายทางมีแค่ทางออกเดียวคือกงสีแตก น่าเสียดายไม่น้อยที่ความมั่งคั่งของหลายครอบครัวที่สะสมกันมาหลายสิบปี กลับต้องมาพังเพราะ ขาดกุญแจสำคัญ ในสมการความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว

จากประสบการณ์การเป็นที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัวมามากกว่า 50 บริษัท ผมสามารถบอกได้เลยว่า ความมั่งคั่งของธุรกิจครอบครัว (Family Business Wealth) นั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องของฝั่งตัวเงินเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึง ความมั่งคั่งด้านจิตใจ หรือฝั่งของความสัมพันธ์ ความเคารพ ความรักใคร่ปรองดองระหว่างกันภายในครอบครัว ผมชอบเรียกสิ่งนี้ว่า “จิตกงสี” ดังนั้นแล้ว ผมจะให้สมการความมั่งคั่งของธุรกิจครอบครัวไว้ว่า:

ความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัว = ความมั่งคั่งด้านการเงิน + ความมั่งคั่งด้านจิตใจ

Family Business Wealth = Financial Wealth + Non-Financial (Emotional) Wealth

แต่การจะสร้างความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัวให้สมดุลจะทำได้อย่างไร? เพราะปัจจุบันครอบครัวก็ใหญ่ขึ้น ต่างคนต่างสไตล์ ความต้องการหลากหลาย ไม่เหมือนแต่ก่อนที่พ่อแม่เป็นผู้ก่อตั้ง มีแค่ 2 สามีภรรยา มีลูกก็ให้ลูกเข้ามาช่วยทำงาน ถ้าลูกๆ ทะเลาะกันพ่อแม่ก็เคลียร์ “เป็นกาวใจ” ให้ได้  มีอะไรก็บอกซ้ายบอกขวา ลูกๆ ก็ “ยินดี” พ่อแม่จะจัดสรรทรัพย์สินอะไรลูกก็ “เคารพ” เป็นระบอบพ่อบอกลูก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ในอนาคตเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ระบอบพ่อบอกลูกก็จะถูกเปลี่ยนเป็นการบริหารแบบพี่น้อง เปรียบเป็นองค์คณะ (Committee) พี่น้องก็ต้องมาบริหารธุรกิจร่วมกัน ใช้เงิน ใช้ทรัพย์กงสีร่วมกัน อะไรเล่าจะเป็นกาวใจให้ทุกคนเคารพและทำงานร่วมกันได้ อย่างไร้ปัญหา...สิ่งนั้นคือ “ธรรมนูญครอบครัว”

ธรรมนูญครอบครัว หรือ Family Charter (บางแห่งเรียก Constitution) คือ “ข้อตกลงร่วมของครอบครัวในการบริหารจัดการ และวางกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันในธุรกิจและครอบครัว เพื่อคงความเป็นเจ้าของ และส่งต่อความมั่งคั่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น” จากความหมายที่ให้ไปจะเห็นได้ว่าการทำธรรมนูญครอบครัวนั้นไม่ใช่เรื่องของธุรกิจหรือครอบครัวอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มันคือเรื่องของการสร้างสมดุลระหว่างสองระบบ (ธุรกิจและครอบครัว) ที่มีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะธุรกิจต้องการเติบโตอย่างเป็นมืออาชีพ (มั่งคั่งทางการเงิน) แต่ครอบครัวก็ต้องการความสัมพันธ์ที่รักใคร่ปรองดองกัน (มั่งคั่งทางจิตใจ) ดังนั้นแล้ว หากเปรียบธรรมนูญครอบครัวเป็นเครื่องมือในการใช้งานเชิงกลยุทธ์:

  • ธรรมนูญครอบครัวก็คือการสร้าง และป้องกันอนาคต ไม่ใช่แก้ไข ไม่ใช่โจมตีคนอื่น หรือไม่ใช่การแยกกงสี

  • ธรรมนูญครอบครัวก็คือการสื่อสารวางกฎระเบียบภายในครอบครัว (Brainstorming Process) ไม่ใช่คำสั่งจากผู้ใหญ่

  • ธรรมนูญครอบครัวก็คือข้อตกลงที่ต้องเชื่อมกฎหมายหลังจัดทำเสร็จ ไม่ใช่กฎหมายที่ทำเสร็จแล้วจบ

  • ธรรมนูญครอบครัวก็คือแนวทางต่อยอดความมั่งคั่งร่วมกันใน “ตอนนี้” ไม่ใช่พินัยกรรมที่จะไปแบ่งกันใน “อนาคต”

  • ธรรมนูญครอบครัวก็คือแนวทางการช่วยกันบริหารธุรกิจครอบครัวให้เติบโต ไม่ใช่เครื่องมือเจ้าสัวที่ถ้ารวยแล้วค่อยทำ

ด้วยเหตุนี้แล้ว ธรรมนูญครอบครัวจึงเป็นกลยุทธ์สำหรับธุรกิจครอบครัวที่ต้องการ “เติบโต” อย่าง “มั่งคั่ง” และ “ยั่งยืน” โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นระดับเจ้าสัวถึงค่อยมาคิดเรื่องข้อตกลงร่วมกัน มีกิจการหนึ่งที่มีรายได้ต่อปีรวมเพียงหลักร้อยล้านแต่ก็ได้จัดธรรมนูญครอบครัวเรียบร้อยเพราะมองว่า “หากธุรกิจของเราจะเติบโต ก็ต้องมีกฎกติกามารยาท การอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ” นั้นจึงเป็นเหตุที่พวกเขาเริ่มมาตั้งกฎภายในบ้าน ซึ่งหลังจากนั้นทำให้พวกเขาสามารถบริหารธุรกิจกันได้อย่างราบรื่น และเติบโตจากร้อยล้านเป็นหลายร้อยล้านภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี หรืออีกธุรกิจหนึ่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ คุณพ่อคุณแม่มีลูก 5 คนและมีจำนวนคนในครอบครัวมากกว่า 40 คน มองว่าการนำเขยสะใภ้เข้ามาทำงานอย่างไร้กฎระเบียบนั้นจะทำให้เกิดความไม่พอใจภายในพี่น้อง เกิดความรู้สึกไม่แฟร์ รวมถึงกระทบต่อความน่าเชื่อถือในตลาดหลักทรัพย์ได้ จึงได้ตกลงกันทำธรรมนูญครอบครัวขึ้นเพื่อวางเป็นกฎระเบียบการเข้ามาทำงาน และนิยามการทำงานอย่างมืออาชีพภายในบ้าน ซึ่งหลังจากทำธรรมนูญครอบครัวเสร็จแล้ว ครอบครัวนี้ก็ได้เปิดกว้างให้เขยสะใภ้เข้ามาทำงานโดยมีกฎเกณฑ์ที่ครอบครัวยอมรับ และวางค่าตอบแทนที่แฟร์ระหว่างกัน

จากที่ได้เข้าใจความหมาย ประโยชน์ และกรณีตัวอย่างแล้ว คำถามสำคัญต่อไปคือ เราต้องกำหนดเรื่องไหนในธรรมนูญครอบครัวบ้าง? Framework หนึ่งที่ผมใช้ในการจัดทำธรรมนูญครอบครัวที่ชื่อว่า Family Charter Canvas (FCC) ได้นิยามองค์ประกอบหัวข้อธรรมนูญครอบครัวไว้ 9 ข้ออย่างครอบคลุม ซึ่งจะประกอบไปด้วย:

  1. ค่านิยมครอบครัว คือชุดความเชื่อที่ทุกคนตกลงพร้อมใจแสดงออกถึงหลักการอย่างภาคภูมิใจ ผมชอบเรียกสิ่งนี้ว่า Family Branding ในความจริงแล้วการกำหนดค่านิยมครอบครัวเป็นเหมือน “น้ำหยดแรก” ที่เมื่อหาจุดเชื่อมโยงความเชื่อของครอบครัวได้แล้ว การพูดคุยหัวข้ออื่นก็จะเชื่อมโยงกับค่านิยมครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ค่านิยมตัวอย่างที่หลายบ้านชอบพูดถึงเช่น ความรักใคร่ปรองดอง ความประหยัด ความซื่อสัตย์ หรือการอ้อนน้อมถ่อมตัว เป็นต้น
  2. อนาคตธุรกิจครอบครัว คือการกำหนดสถานะความเป็นไปของธุรกิจเราในอนาคต ซึ่งกำหนดกลยุทธ์ได้ทั้งการเติบโต (Growth) การมีอำนาจควบคุม (Control) หรือเพิ่มสภาพคล่อง (Liquidation) ความมั่งคั่งของครอบครัว ซึ่งอนาคตของธุรกิจครอบครัวอาจใช้กลยุทธ์แบบผสมผสานได้ ทั้งนี้ ครอบครัวจะต้องคำนึงว่าแต่ละกลยุทธ์ก็จะมีข้อควรระวังเช่นกัน นั่นคือ เมื่อเราอยาก Growth เราก็ต้องแลกเรื่องของความมั่งคั่ง / เงินครอบครัว หากเราอยาก Control ความเป็นมืออาชีพก็จะลดลง หรือถ้าเราอยากมี Liquidation การเติบโตของธุรกิจก็อาจน้อยลงเพราะกำไรธุรกิจก็จะถูกปันผลให้ครอบครัวเกือบทั้งหมด ดังนั้นเลือกให้ดี และวางสมดุลให้ถูกในบ้านของเรา
  3. โครงสร้างธุรกิจครอบครัว คือกรอบกำหนดสมาชิกครอบครัวที่จะอยู่ในธรรมนูญครอบครัว และกรอบของการถือหุ้นในกิจการครอบครัว ข้อตกลงนี้จะระบุว่าสมาชิกครอบครัวเราคือใคร เราจะมีสภาครอบครัวหรือไม่? รวมถึงกำหนดสายครอบครัว เช่นสายหลักคือสายเลือด และสายรองคือนอกสายเลือด (เช่น เขยสะใภ้) เป็นต้น โครงสร้างการถือหุ้นก็เป็นอีกสาระสำคัญที่ต้องระบุว่าใครมีสิทธิในการถือหุ้นในธุรกิจครอบครัวของเราได้บ้าง สายหลัก? สายรอง? หรือคนนอก? สิ่งเหล่านี้หากเราไม่ได้มีการสื่อสารและวางข้อตกลงอย่างชัดเจน ก็จะกลายเป็นบ่อเกิดของการทะเลาะ และถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองอำนาจในอนาคตได้
  4. สิทธิ หน้าที่ คือการกำหนดบทบาท และขอบเขตของสมาชิกครอบครัวแต่ละคนอย่างชัดเจน เช่น ใครบ้างที่มีสิทธิในการถือหุ้น เป็นกรรมการ เข้าทำงาน เป็นผู้บริหาร เป็นสภาครอบครัว ได้รับสวัสดิการครอบครัว หรือรวมไปถึงสิทธิการ Vote ในแต่ละประชุมของครอบครัว โดยจะต้องกำหนดหน้าที่ว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไรในกงสี เช่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร ประชุมสภาครอบครัว ประชุมกงสี หรือหน้าที่ในฐานะของการเป็นสมาชิกครอบครัวนี้ เช่น เข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว เข้าร่วมกิจกรรมครอบครัว เป็นต้น
  5. สวัสดิการ และเงินครอบครัว คือข้อตกลงเรื่องของสิทธิประโยชน์ภายในครอบครัวซึ่งจะระบุไปในมิติของรายละเอียดการดูแลกัน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนลูกหลาน เงินเดือนของคนที่ทำงานในธุรกิจครอบครัว เป็นต้น ซึ่งจะระบุอย่างละเอียดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าครอบครัวจะดูแลกันอย่างไร และแต่ละคนต้องปันส่วนเงินของตัวเอง และลงขันกันเพื่อเป็นเงินครอบครัวจำนวนเท่าไหร่ หรือกำหนดแหล่งเงินของสวัสดิการครอบครัว เพื่อให้สวัสดิการครอบครัวเป็นเรื่องที่ทุกคนได้ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่เรื่องของบริษัท ไม่ใช่เรื่องของพี่ใหญ่ หรือไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง
  6. การบริหารธุรกิจครอบครัว คือการหาข้อตกลงในการทำให้กิจการของเราเป็นมืออาชีพขึ้นกว่าเดิม ลักษณะความเป็นมืออาชีพที่ควรระบุในธรรมนูญครอบครัวคือ วิธีการบริหารธุรกิจด้วยโครงสร้างกรรมการ การกำหนดค่าตอบแทน การกำหนดความคาดหวัง (KPI) ของแต่ละแผนก และนำเอา KPI นั้นกลายเป็นกลยุทธ์ภายในกลุ่มผู้บริหาร การจัดโครงสร้างอำนาจตัดสินใจ (ใคร / ตำแหน่งไหนตัดสินใจอะไร) การกำหนดบทบาท หน้าที่ของมืออาชีพ ซึ่งรวมถึงระบุว่ามืออาชีพสามารถก้าวเข้ามาในตำแหน่งไหนได้บ้างของธุรกิจครอบครัวของเร
  7. การสืบทอดธุรกิจครอบครัว คือการกำหนดเกณฑ์การรับช่วงต่อการเป็นผู้นำองค์กร กระบวนการส่งต่อ ซึ่งรวมถึงเกณฑ์การเกษียณของรุ่นผู้ใหญ่อีกด้วย เนื่องจากกลไกการส่งต่อกิจการมีสองมิติ กล่าวคือ ในด้านความเป็นเจ้าของ (การถือหุ้น) และด้านการบริหาร (ตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหาร) โดยการส่งต่อจากรุ่นผู้ใหญ่มาที่รุ่นเด็กจึงสามารถมี “ลูกเล่น” ได้หลากหลาย ซึ่งในบางครอบครัวได้กำหนดว่าในด้านการบริหาร เราสามารถส่งต่อให้กับ “คนนอก” ได้ซึ่งหมายถึงพนักงาน / มืออาชีพ / ลูกหม้อ (โดยจะต้องเป็นตามเกณฑ์ที่กำหนด) แต่ในด้านความเป็นเจ้าของ ครอบครัวจะต้องถือหุ้นในสัดส่วน 100% เท่านั้น ไม่สามารถส่งต่อให้บุคคลภายนอกได้
  8. ทรัพย์สิน และความมั่งคั่ง คือการวางวิธีการบริหารจัดการ “ทรัพย์กงสี” ให้เป็นที่เข้าใจ ตกลงกันว่าทรัพย์สินไหนจะเป็นทรัพย์กงสีบ้าง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเงิน ที่ดิน รถยนต์ หลักทรัพย์อื่น บางบ้านมีแม้กระทั่งงานศิลปะสวยงาม โดยจะต้องหาข้อตกลงว่าทรัพย์สินที่มี / ไม่มีทะเบียนนั้นจะใช้กลยุทธ์การถือครอง (ถือร่วมหรือถือแยก) ซึ่งจะต้องวางจุดประสงค์ให้กับแต่ละทรัพย์กงสีอย่างชัดเจน เช่น เพื่อขาย พัฒนาเพื่อเป็นธุรกิจ ใช้เพื่อกิจกงสี หรือนำไปลงทุนเพื่อสร้างเป็น Passive Wealth ให้กับครอบครัวได้หรือไม่? ครอบครัวหนึ่งมีเงินนอกธุรกิจมากกว่า 500 ล้าน แต่ไม่มีใครกล้าแตะเพราะเป็นเงินกลางกงสี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะหากมีข้อตกลงในการลงทุน Passive Wealth ของครอบครัวได้ ก็จะเกิดประโยชน์เป็นอย่างมาก
  9. กฎบ้าน คือการสร้างกรอบการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจกัน ซึ่งจะระบุเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความสัมพันธ์ความปรองดองที่ดีต่อกันเช่นการมีกิจกรรมครอบครัว การมี Trip กงสี บางบ้านอาจมีมูลนิธิ และใช้กิจกรรมมูลนิธินั้นผนวกเป็นกฎภายในครอบครัวเช่นกัน สิ่งที่ต้องคำนึงต่อไปคือการบริหารข้อพิพาทในครอบครัว กล่าวคือหากครอบครัวทะเลาะกันมีวิธีการระงับการทะเลาะได้อย่างไร? บางครอบครัวอาจใช้พ่อแม่ หรือคนกลางเข้ามาเป็นคนไกล่เกลี่ย ระบุเรื่อง “ข้อห้าม” ต่างๆ ที่ทุกคนต้องห้ามทำ เช่น ห้ามทำผิดกฎหมาย ห้ามเล่นการเมือง ห้ามเป็นข่าวเสื่อมเสีย เป็นต้น หรือแม้กระทั้งเรื่องของบทลงโทษ (Penalty) เมื่อสมาชิกครอบครัวทำผิด / ละเมิดธรรมนูญครอบครัว และสุดท้ายคือระยะเวลาการพิจารณาปรับปรุงธรรมนูญครอบครัวเพื่อให้กฎครอบครัวยังใช้งานได้ และเป็นปัจจุบันมากที่สุด

บทสรุปส่งท้าย

การมีธุรกิจที่มั่งคั่งด้วยเงินทองไม่ได้รับประกันความมั่งคั่งยั่งยืนตลอดไป ความมั่งคั่งที่แท้จริงของธุรกิจครอบครัวคือการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของกิจการ ควบคู่กับการเติบโตด้านความสัมพันธ์ที่แนบแน่นภายในครอบครัวเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน ธรรมนูญครอบครัวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ครอบครัวสร้างสมดุลทั้งสองด้านโดยมีทุกคนเป็นศูนย์กลางของการตั้งกฎกติการ่วมกัน และเปิดทางสู่การเติบโตที่มั่งคั่งยั่งยืน และไม่ขัดแย้งอย่างแท้จริง


Author

ธีรภาพ อัญญานุภาพ

ธีรภาพ อัญญานุภาพ
Founding Partner & Lead Consultant Aunyanuphap Consulting