
ถือเป็นข่าวดีมากๆ เมื่อได้ยิน “อนุทิน ชาญวีรกุล” นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า “รัฐบาล ครม.หนู 1”จะเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และ ต่อเนื่องถึงระยะยาว พร้อมกับเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้ว่าระยะเวลาที่ประกาศไว้ว่าจะเป็นรัฐบาล และยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาล
ซึ่ง 1 ในนโยบายที่พรรคภูมิใจไทย ภายใต้รัฐบาล นายกฯอนุทิน ประกาศว่าจะเดินหน้าผลักดันต่อ คือ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ “โครงการแลนด์บริดจ์”มูลค่ากว่า 1ล้านล้านบาท
โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าแห่งภูมิภาคและของโลก ด้วยการเชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ผ่านการสร้างท่าเรือน้ำลึกสองฝั่ง และเชื่อมโยงด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐาน
แถม "พิพัฒน์ รัชกิจประการ” แกนนำพรรคภูมิใจไทยภาคใต้ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ประสานเสียงว่า กระทรวงคมนาคมจะเร่งเดินหน้าผลักดัน “โครงการแลนด์บริดจ์”แน่นอน แถมร่ายยาวต่อว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในการพัฒนาประเทศ
โดยอ้างว่า โครงการ ”แลนด์บริดจ์” นั้นเริ่มต้นมาในสมัยที่พรรคภูมิใจไทย ร่วมรัฐบาลสมัยที่มี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม เป็นคนผลักดันไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ด้วยระบบราง ถนน และระบบท่อ ซึ่งโครงการนอกจากเป็นโอกาสของประเทศแล้ว ยังจะช่วยสร้างอาชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดชุมพรและระนองด้วย
และย้ำอีกว่าเรื่องนี้ยังได้มีการหารือส่วนตัวกับผู้นำ ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน นักธุรกิจในภาคใต้ รวมถึงกลุ่มการเมืองในภาคใต้ เพื่อสานต่อโครงการนี้ให้เดินหน้าอย่างราบรื่น และให้สำเร็จให้ได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมาภาคใต้เสียโอกาสในการพัฒนา ขาดความร่วมมืออย่างจริงจัง ซึ่งหากมีการรวมตัวและช่วยกันในเรื่องยุทธศาสตร์ ก็มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาภาคใต้ได้มากกว่านี้
ส่วนกรณีที่มีคนไม่เห็นด้วย และขอให้ชะลอโครงการดังกล่าวนั้น ยืนยันว่า ถ้าเราไม่สานต่อในวันนี้ ก็จะชะลอไปเรื่อยๆ และโอกาสคงไม่เกิด สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์จะไม่ใช้เงินกู้ของรัฐบาล แต่จะเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน เนื่องจากวันนี้ประเทศไทยยังไม่พร้อมเรื่องการกู้ยืมเงิน แต่มั่นใจว่าเรามีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาใช้บริการท่าเรือทั้งสองฝั่ง
“ซึ่งโครงการจะเป็นการสร้างงานอีกชิ้นหนึ่ง ที่เป็นงานชิ้นใหญ่ และถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดหลัง โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ดังนั้นเราพยายามทำโครงการนี้ให้สำเร็จ และเป็นตัวเชื่อม โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SEC หากเราไม่คิดที่จะริเริ่มอะไร 4 เดือนก็จะผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์
ฉะนั้นขออย่าไปสนใจว่าเป็น 4 เดือนหรือกี่วัน เมื่อเราเข้ามาสิ่งที่ต้องทำ และทำได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าครั้งต่อไปพรรคภูมิใจไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราจะมาสานต่อนโยบาย แต่หากไม่ได้รับความไว้วางใจก็ขอฝากโครงการที่ดีๆ หรือโครงการที่จะทำให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นให้กับรัฐบาลชุดต่อไป เพราะนโยบายดังกล่าวเป็นความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทย และนายกรัฐมนตรี" พิพัฒน์ กล่าวย้ำ
ขณะที่ผู้กำกับนโยบายมาออกโรงแข็งขันในการเร่งผลักดันนโยบายขนาดนี้ ทีนี้ก็ต้องกลับมาดูว่า ณ ปัจจุบันโครงการ “แลนด์บริดจ์”อยู่ในขั้นตอนไหน จะมีความเป็นไปได้ที่โครงการจะเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งจากการรวบรวมและตรวจสอบพบว่า ณ ปัจจุบัน “แลนด์บริดจ์” กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างผลักดันพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ….. (พรบ. SEC) ให้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อประกาศประกวดราคา (ทีโออาร์) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5-6 เดือน โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) จะใช้รูปแบบ PPP Net Cost สัญญาสัมปทาน 50 ปี
ซึ่งจะมีการเปิดประมูลจะให้เอกชนรายเดียวเป็นผู้รับสัมปทานในการก่อสร้าง และบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการในสัญญาเดียว ในหลักการ “One Port Two Sides”ซึ่งขั้นตอนคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุนและเริ่มก่อสร้างภายในปี 2569 และจะเปิดให้บริการเฟสแรกได้ภายในปี 2573
เมื่อได้ยินแบบนี้ เชื่อมั่นว่าหลายๆ คนที่ต้องการให้ประเทศมีการพัฒนาใหม่ๆ จะต้องดีใจที่ประเทศไทยจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เพราะหากจะนึกย้อนไปจะพบว่าในรอบหลายๆ 10 ปี ประเทศไทยยังไม่เคยมีการลงทุนขนาดใหญ่แบบนี้เกิดขึ้นมานานมาก
และยิ่งหากโครงการนี้เกิดขึ้นจริงก็จะเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาประเทศ อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเป็นตัวผลักที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตและขับเคลื่อนประเทศได้ในระยะยาวและยั่งยืน
ดังนั้นมาถึงตอนนี้ก็คงต้องมาลุ้น และติดตามกันดูว่า “โครงการแลนด์บริดจ์” ที่รัฐบาล "นายกฯหนู 1” ออกมาโหมโรงเปิดวงดนตรีเรียกเสียงร้องให้ตอบรับ จะมีพลังในการผลักดันและขับเคลื่อนให้โครงการเกิดขึ้นแค่ไหน ก็คงต้องมารอดู และ เอาใจช่วยกันหน่อย
เพราะหากเกิดขึ้นจริง เริ่มตั้งไข่ได้ ก็เชื่อว่าคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าในภาคใต้คงจะเทมาที่ “พรรคภูมิใจไทย”กันหมดแน่!!!...
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney