
การประกาศจัดเก็บภาษี (reciprocal tariffs) หรือภาษีตอบโต้ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพราะมีความไม่แน่นอนสูงมาก ทำให้ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ 2568 เหลือโต 1.6% ปรับลดลงจากเมื่อเดือน ก.พ. 2568 ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.9%
ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังได้ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้เช่นเดียวกัน ลดลงเหลือ 1.8% จากเมื่อเดือน ม.ค. 2568 คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% นอกจากนี้สถาบันการเงินอีกหลายแห่งก็ได้ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจไปไม่ถึง 2% เช่นเดียวกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยเหลือ 2.1% จากเดิมประมาณการไว้ 3% ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2% เหลือ 1.3%
หลายสำนักที่เกี่ยวข้องการประมาณการเศรษฐกิจ ได้ปรับลดจีดีพีประเทศไทยแล้ว จึงถือเป็นสัญญาณเตือนภัยทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยต้องเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยให้เติบโต หากไม่เร่งดำเนินการใดๆ เศรษฐกิจไทยอาจโตต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับการปรับลดความน่าเชื่อถือ ปรับลดเครดิตประเทศไทยลงอีก เริ่มจากบริษัทจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทย จากปัจจุบันมีเสถียรภาพ (Stable) เป็น Negative หรือเชิงลบแล้ว
อีกทั้งยังปรับลดมุมมอง (outlook) อันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน 7 แห่งของไทยเป็น "เชิงลบ" (negative) จาก "มีเสถียรภาพ" (stable) อีก ถือเป็นการซ้ำเติมความเชื่อมั่นและเครดิตประเทศไทย การปรับลดมุมมองอันดับเครดิตครั้งนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศไทยที่อ่อนแอลงอีก
การปรับลดจีดีพีของไทยสอดคล้องกับเสียงบ่นของประชาชนคนไทย เป็นยุค “ข้าวยากหมากแพง” แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราคาหมูแพง ค่าไฟแพง ฯลฯ
ขณะที่คนไทยเป็นหนี้ครัวเรือนสูงมากราว 16 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 91% ของจีดีพี ขณะที่รัฐบาลมีภาระหนี้สาธารณะอยู่ที่ 12.004 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.21% ของจีดีพี
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนภัยเศรษฐกิจที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะเศรษฐกิจไทยป่วย...หลายโรคมาก ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรนิ่งนอนใจ...หรือตัดสินใจเชื่องช้าได้อีกต่อไป ควรเร่งหามาตรการรับมือให้ทันท่วงที ผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทย ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปเรื่อยๆ จนสั่นคลอนสถานะรัฐบาล
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney