รอลุ้นเกณฑ์ใหม่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

Experts pool

Columnist

Tag

รอลุ้นเกณฑ์ใหม่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

Date Time: 14 ก.พ. 2568 19:00 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

กระทรวงการคลังภายใต้การนำของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พยายามคิดหาวิธีการและแนวทางการจัดเก็บรายได้เพิ่ม เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยสั่งการให้กรมสรรพากรไปทบทวนการจัดเก็บรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทั้งระบบ เพื่อหาวิธีการจูงใจ ให้คนไทยในต่างประเทศ หรือคนต่างประเทศที่ต้องการพำนักพักพิงในประเทศไทย นำเงินกลับเข้าประเทศ มาซื้อหุ้นไทย ลงทุน หรือจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทย เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

Latest


ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ของทุกปี จะเป็นช่วงของผู้มีรายได้ในรอบปีที่ผ่านมา จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90, 91)

การยื่นแบบเสียภาษีประจำปี ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ เป็นมนุษย์เงินเดือน โดยบุคคลธรรมดา มีแบบแสดงรายการยื่นภาษี 2 แบบ คือ ภ.ง.ด.90 เป็นผู้มีรายได้จากเงินเดือน และรายได้เสริม อาทิ เงินปันผล เป็นต้น และภ.ง.ด.91 เป็นผู้มีรายได้เป็นเงินเดือนอย่างเดียว ไม่มีรายได้เสริมใดๆ

คนไทยมีราว 70 ล้านคน อยู่ในระบบแรงงาน 40 ล้านคน เข้าข่ายยื่นแบบภาษี 11 ล้านคน ชำระภาษีจริงๆ เพียง 4 ล้านคน ถือว่าน้อยมาก เพราะหลายๆ คน มีตัวช่วย คือ การลดหย่อนภาษีต่างๆ ที่รัฐบาลจัดให้ ได้เงินภาษีคืนหลายหมื่นบาทก็มี ดังนั้นขึ้นอยู่กับการวางแผนการยื่นแบบภาษีของแต่ละคน ว่าศึกษาการยื่นเอกสารลดหย่อนมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ยอดการเสียภาษีน้อยที่สุด

และด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้ต้องตั้งงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงการคลังภายใต้การนำของ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จึงพยายามคิดหาวิธีการและแนวทางการจัดเก็บรายได้เพิ่ม ขณะเดียวกันต้องการให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ดังนั้นจึงสั่งการให้กรมสรรพากรไปทบทวนการจัดเก็บรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทั้งระบบ เพื่อหาวิธีการจูงใจ ให้คนไทยในต่างประเทศ หรือคนต่างประเทศที่ต้องการพำนักพักพิงในประเทศไทย นำเงินกลับเข้าประเทศ มาซื้อหุ้นไทย ลงทุน หรือจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทย ก็สามารถช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

แนวคิดการศึกษาทบทวนการจัดเก็บรายได้จากภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลทั้งระบบ โดยเฉพาะคนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ และลงทุนในต่างประเทศ ต้องการนำเงินกลับประเทศไทย แต่เมื่อคำนวณการเสียภาษีแล้ว ยอมที่จะไม่นำเงินกลับประเทศไทย เพราะต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูง

“พิชัย” กล่าวย้ำว่า คนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เมื่อได้กำไรแล้วไม่คิดจะนำเงินกลับเข้าประเทศ เพราะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง ทำให้ต้องพักเงินไว้ที่ต่างประเทศ ซึ่งในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีคนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่มีการนำเงินเข้าประเทศจำนวนมาก ดังนั้นต้องคิดหาวิธีการที่จะจูงใจให้คนเหล่านี้ นำเงินกลับเข้ามาในประเทศ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย

สำหรับเกณฑ์การชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบัน กรมสรรพากรได้กำหนดไว้ดังนี้

  • รายได้ไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี
  • รายได้ตั้งแต่ 150,000-300,000 บาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 5%
  • รายได้ 300,001-500,000 บาท ต้องชำระภาษีในอัตรา 10%
  • รายได้ตั้งแต่ 500,001-750,000 บาท ต้องชำระภาษีในอัตรา 15%
  • รายได้ตั้งแต่ 750,001-1 ล้านบาท ต้องชำระภาษีในอัตรา 20%
  • รายได้ตั้งแต่ 1 ล้าน – 2 ล้านบาท ต้องชำระภาษีในอัตรา 25%
  • รายได้ตั้งแต่ 2 ล้านบาท -5 ล้านบาท ต้องชำระภาษีในอัตรา 30%
  • รายได้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ต้องชำระภาษีในอัตรา 35%

ส่วนภาษีนิติบุคคล หากเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย แต่ไปลงทุนต่างประเทศ ต้องทำตามเงื่อนไขการชำระภาษีไทยอยู่แล้วในอัตรา 20% โดยปกติของบริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องภาษี เนื่องจากเมื่อเข้าสู่ระบบการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องอยู่แล้ว

มีเพียงกรณีภาษีบุคคลธรรมดาเท่านั้น ที่มักจะเป็นประเด็นปัญหา เพราะบางคนไม่ต้องการเสียภาษีในอัตราที่สูงเกินไป จึงไม่ยอมโอนเงินกลับประเทศ ปล่อยให้เงินอยู่ในกองทุนต่างชาติ หรือบัญชีต่างประเทศแทน หรือบางคนนำเงินเข้าประเทศ มักจะนำเข้ามาแบบเลี่ยงภาษี

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรไม่แนะนำให้ “เลี่ยงภาษี” เพราะหากตรวจพบเจอภายหลัง จะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ ตั้งแต่ 2,000 -200,000 บาท และมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5% ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระนับตั้งแต่วันพ้นกำหนดยื่นแบบภาษี

นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำ ให้ผู้มีรายได้จากต่างประเทศ เมื่อมีการเสียภาษีจากประเทศที่เป็นแหล่งรายได้แล้ว ให้เก็บหลักฐานไว้ เมื่อนำรายได้เข้าประเทศ จะได้ยื่นหลักฐานให้กรมสรรพากร เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน เพราะได้เสียภาษีจากประเทศที่เป็นแหล่งรายได้แล้ว ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาภาษีซ้อน ที่เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศว่าจะไม่เก็บภาษีซ้ำซ้อน โดยประเทศไทยได้ทำข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 61 ประเทศ

ความพยายามของรัฐบาลที่จะปรับปรุงโครงสร้างภาษีครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนนำเงินที่มีอยู่ มาจับจ่ายใช้สอย นอกจากจะช่วยความคึกคักสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ยังสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ด้วย

โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างเปรียบเทียบการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ประชาชนมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ก่อให้เกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มากน้อยเพียงใด แม้เมื่อเทียบกันแล้ว ผลได้ผลเสียไม่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าที่สุดแล้ว ได้ผลทางจิตวิทยาจะทำให้ประชาชนจับจ่ายมากขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นต้องรอลุ้นผลการศึกษาของกรมสรรพากรจะสำเร็จเมื่อใด เพื่อนำเสนอกระทรวงการคลังพิจารณา แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป

รอลุ้น!!!! อัตราการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในเร็วๆ นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปียื่นภาษี 2568

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่ 
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ


ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

ดวงพร อุดมทิพย์

ดวงพร อุดมทิพย์
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ