ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ยังซบเซาต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน
ข้อมูลจาก Centaline Property Agency ผู้ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำในฮ่องกง พบว่าในปี 2566 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง มีธุรกรรมซื้อขายน้อยที่สุดในรอบ 33 ปี ซึ่งมียอดการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 58,023 รายการ ซึ่งเป็นยอดที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534
นอกจากนี้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์มือสองยังต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี สะท้อนถึงการถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรง อีกหนึ่งภาพสะท้อนความตกต่ำ คือ จำนวนที่อยู่อาศัยที่ติดจำนอง ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี
โดยรายงานจาก mReferral Mortgage Brokerage Services ระบุว่า มีจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่ติดจำนองในปี 2566 รวมกันอยู่ที่ 73,906 ยูนิต ซึ่งน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 นอกจากนี้จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2548 มาอยู่ที่ 1,581 ยูนิต
สาเหตุความตกต่ำในอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก และจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มช่วงโควิด ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการแทรกแซงทางการเมืองของรัฐบาลจีนในฮ่องกง ทำให้เกิดภาวะสมองไหล เนื่องจากคนฮ่องกง และชาวต่างชาติพากันย้ายออก ตั้งแต่ปี 2562
จะเห็นได้จากบริษัทข้ามชาติหลายแห่งได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่อื่น ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง กดดันให้คนจีนที่มีความมั่งคั่งสูง เปลี่ยนเป้าหมายการลงทุนไปยังสิงคโปร์ เนื่องจากความกังวลเรื่องการแทรกแซงจากรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงคาดว่าจะยังคงซบเซาอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยราคาที่อยู่อาศัยคาดว่าจะทรงตัว หรือลดลงมากถึง 5%
อ้างอิง
อ่านข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ต่อได้ที่