ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 พ.ค. 2566) เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้มีการส่งจดหมายเตือนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เควิน แมคคาร์ธี ว่า สหรัฐฯ อาจเงินหมดคลังจนผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ ภายในวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถเพิ่มหรือระงับเพดานหนี้
“จากการคาดการณ์ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่สภาคองเกรสจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่ม หรือระงับเพดานหนี้ในลักษณะที่ให้ความมั่นใจในระยะยาวว่ารัฐบาลจะดำเนินการชำระเงินต่อไป” เยลเลนกล่าวในจดหมาย ต่อสภาคองเกรส
ในวันเดียวกันสำนักงานงบประมาณรัฐสภาได้แถลงการณ์เตือนว่า มีความเสี่ยงอย่างมากที่คลังจะหมดเงินในต้นเดือนมิถุนายน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีในเดือนเมษายนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการจ่ายภาษีในอนาคตก็ไม่น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
คำเตือนของเยลเลนได้สร้างแรงกดดันต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดนและสมาชิกสภานิติบัญญัติ ในการเร่งบรรลุข้อตกลงการชำระหนี้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศชาติ
ส่งผลให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียกประชุมกลุ่มผู้นำรัฐสภาหรือที่เรียกว่า Big four ณ ทำเนียบขาวในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ชัค ชูเมอร์, มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อย และ เควิน แมคคาร์ธี เพื่อหารือเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ และแนวทางจัดการค่าใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเพิ่มเพดานหนี้
อย่างไรก็ตามการเรียกประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากแมคคาร์ธี กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขายังไม่ได้รับการตอบรับจากประธานาธิบดี หลังจากที่สภาผ่านร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำหนดข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดน ลดค่าใช้จ่ายงบประมาณและยกเลิกกฎหมายสภาพอากาศล่าสุดของพรรคเดโมแครต เพื่อแลกกับการปรับขึ้นเพดานหนี้
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้แตะเพดานที่กำหนดโดยสภาคองเกรส ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เยลเลนได้ใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อซื้อเวลาและอนุญาตให้รัฐบาลจ่ายบิลต่อไปได้ชั่วคราว
นอกจากนี้เยลเลนยังกล่าวเตือนสภานิติบัญญัติว่า