พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรฯ เสนอกระทรวงพาณิชย์ให้ออกประกาศเพื่อควบคุมการนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์ (GP) และไก่พ่อแม่พันธุ์ (GS) เพื่อบังคับให้ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์และไก่พ่อแม่พันธุ์ให้ปฏิบัติตามโควตานำเข้าอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด โดยกระทรวงเกษตรฯจะทำหน้าที่กำหนดกฎระเบียบต่างๆให้สอดรับกับประกาศของกระทรวงพาณิชย์ เช่น หากผู้ประกอบการจะนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ทุกรายจะต้องผ่านความเห็นชอบจากมติเอ้กบอร์ด ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการจะใช้เวลาออกระเบียบและหารือทุกภาคส่วนให้เเล้วเสร็จในอีก 4-5 เดือน เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ต้องมีการร่างประกาศและต้องมีการทำประชาพิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญใหม่ก่อนมีผลบังคับใช้
“เดิมโควตาที่เอ้กบอร์ดกำหนดเป็นเพียงการขอความร่วมมือ ไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ทำให้เกิดการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ได้อย่างเสรี จนเกิดปัญหาการนำเข้ามากเกินความต้องการ ทำให้เอ้กบอร์ดคิดจะนำกฎหมายพาณิชย์มาใช้ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องผู้ประกอบการไม่ปลดแม่ไก่ยืนกรงออกจากระบบตามเวลาที่กำหนด เนื่องจากเห็นว่าไข่และไก่ราคาดี ทำให้มีผลผลิตออกมาจำนวนมากจนเกิดปัญหาล้นตลาด ส่งผลให้ราคาตกต่ำ ต่อไปต้องกำหนดเกณฑ์ว่ากี่สัปดาห์ต้องปลดแม่ไก่ยืนกรงและถ้ารายใดไม่ปลดจะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับสูงสุด 1 ล้านบาท”
ทั้งนี้ เงื่อนไขใหม่ที่จะบังคับใช้อนาคต คือ ผู้ประกอบการที่จะขยายฟาร์มที่ได้สิทธิ์โควตา 300,000 ตัวขึ้นไป ต้องรายงานแผนการผลิต การตลาดมายังเอ้กบอร์ดก่อนการผลิตและจำหน่าย โดยต้องระบุว่าผลิตไข่ไก่ที่ไหน กระบวนการฟาร์มเป็นอย่างไร มีตลาดรองรับและส่งจำหน่ายที่ใดบ้างเพื่อตีกรอบการผลิตให้สอดคล้องกับการบริโภค.