นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ... เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก (Financial Hub) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยขั้นตอนต่อจากนี้ จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาผ่านช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track) ใช้เวลาไม่เกิน 50 วัน เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา โดยรัฐบาลเห็นว่า กฎหมายนี้จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกได้ เพราะมีความพร้อม มีโลเคชั่นที่ดี มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี แต่ขาดความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ การส่งเสริม สิทธิประโยชน์ทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี
กฎหมายใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพิจารณาใบอนุญาตและการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้ Financial Hub ที่ครบวงจร เป็นสากล และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้ง มีหน่วยงานหลักกำหนดนโยบายในการส่งเสริมให้ไทยเป็น Financial Hub และกำหนดนโยบายพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงิน (Ecosystem) ทั้งการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานให้สอดรับกับความต้องการของบริษัทด้านการเงินระดับโลก โดยจะจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินให้เป็นหน่วยงานให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-stop Authority: OSA) กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจและกลไกการขออนุญาต กำหนดสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุน รวมไปถึงแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักสากล
ทั้งนี้ ธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใน Financial Hub ประกอบด้วย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบริการการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ ธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงิน