“ส่งออกไทย” เดือน ต.ค.พลิกโต 8% แต่ภาพรวม 10 เดือนแรก ยังติดลบ 2.7% ไทยขาดดุล 6.66 พันล้านดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวภาวะการส่งออกไทย หรือการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนตุลาคม 2566 พบส่งออกไทย สามารถกลับมาขยายตัวได้ดี 8% รวมมูลค่า 23,578 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 841,366 ล้านบาท 

ส่งผลให้การส่งออกไทย งวด 10 เดือนแรกของปี 2566 ติดลบดีขึ้น แต่ภาพรวมยังลดลง  2.7% มีมูลค่า 234,648 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,109,766 ล้านบาท และมีภาวะขาดดุลอยู่ที่ 6,665 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ทั้งนี้ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ภาวะการส่งออกของเดือน ต.ค. ที่ดีขึ้น มาจากสินค้าเกษตร ยังสามารถขยายตัวได้ 3 เดือนต่อเนื่อง, สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาขยายตัวได้หลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่ขยายตัวได้ 10 เดือนต่อเนื่อง 

สำหรับตลาดที่ขยายตัวได้ดีในช่วงเดือน ต.ค. ได้แก่

• อันดับ 1 สวิตเซอร์แลนด์ +135%
• อันดับ 2 กลุ่ม CIS +77.2%
• อันดับ 3 ฮ่องกง +31.3% 
• อันดับ 4 ทวีปแอฟริกา +24.5%
• อันดับ 5 แคนาดา +16.7%

เทียบ “ส่งออกไทย” 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 66) กับประเทศอื่น 

• ไทย -2.7%
• สิงคโปร์ -5.4% 
• อินเดีย -5.4%
• เวียดนาม -7.1%
• เกาหลีใต้ -10%
• ญี่ปุ่น -4.6%
• ไต้หวัน -12.9%
• มาเลเซีย -11.1%
• จีน -5.8%
• อินโดนีเซีย -12.1%

ปัจจัยบวก 

• การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน 
• สินค้าเกษตรและอาหารยังคงช่วยหนุนการส่งออกให้ขยายตัว 
• ประเทศคู่ค้าเริ่มทยอยสั่งซื้อสินค้า เพื่อรองรับการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปลายปี 
• สินค้าที่เกี่ยวเนื่องและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดยังขยายสูง 

“แรงหนุนจากอุปสงค์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงเทศกาลปลายปี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มลดลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณใกล้ยุติมาตรการคุมเข้มทางการเงิน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนเริ่มส่งผล โดยตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น สำหรับสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสยังคงอยู่ในวงจำกัด จึงยังไม่กระทบต่อการส่งออกภาพรวม” 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงสุดท้ายของปีจะขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง สอดรับกับแรงกดดันด้านราคาที่ค่อยๆ ลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่หากขยายวงกว้างอาจจะกระทบต่อราคาน้ำมันและต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการค้าโลกที่กำลังกลับมาฟื้นตัว

ที่มา : กระทรวงพาณิชย์