ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน! กกร.มองเศรษฐกิจโตสวนเศรษฐกิจโลก

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุน! กกร.มองเศรษฐกิจโตสวนเศรษฐกิจโลก

Date Time: 4 ส.ค. 2565 06:56 น.

Summary

  • “กกร.” ประเมินเศรษฐกิจไทยภาพรวมปีนี้ ล่าสุดโดยคงกรอบการเติบโตของจีดีพีไว้ที่ 2.75-3.5% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยชัดเจนก็ตาม สาเหตุส่งออกยังเติบโตได้ต่อ

Latest

 “แอปกู้เงินเถื่อน” ตรวจสอบอย่างไร และทางรอด เมื่อตกเป็นเหยื่อไม่รู้ตัว หน่วยงานไหนช่วยได้

“กกร.” ประเมินเศรษฐกิจไทยภาพรวมปีนี้ ล่าสุดโดยคงกรอบการเติบโตของจีดีพีไว้ที่ 2.75-3.5% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยชัดเจนก็ตาม สาเหตุส่งออกยังเติบโตได้ต่อ โดยปรับเพิ่มกรอบมูลค่าส่งออกโตเป็น 6-8% ขณะที่เพิ่มเป้าเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็น 5.5-7% จากแรงกดดันน้ำมัน ค่าไฟงวดใหม่ที่เตรียมขยับหนุนราคาสินค้าพุ่งสูงขยายวงมากขึ้น มองสถาน การณ์ไต้หวันจะส่งผลบวกต่อการส่งออกและการลงทุนไทย

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน ส.ค. ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวชัดเจนขึ้นแต่ กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ จึงยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่จะขยายตัวได้ 2.75-3.5% การส่งออกจากเดิมคาดการณ์เดือน ก.ค.ที่เติบโตได้ในกรอบ 5-7% ให้เติบโตได้ 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจากเดิมอยู่ในกรอบ 5-7% เป็น 5.5-7%

“เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้น เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 โดยเศรษฐกิจของสหรัฐฯหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และจีนขยายตัวต่ำกว่าประมาณการค่อนข้างมาก ส่วนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังจากราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือค่าเอฟที งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. ที่จะสูงตามมาก็ยิ่งกดดันและการปรับขึ้นของราคาสินค้า ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวและส่งผลต่ออำนาจซื้อภาคครัวเรือนและต้นทุนภาคธุรกิจ แต่ประเทศไทยมีเรื่องของท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นแรงซื้อ เช่น คนละครึ่งเฟส 5 ที่จะช่วยหนุนในครึ่งปีหลัง”

สำหรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของประเทศไทยภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ประชุมเห็นว่า มีความสอดคล้องกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ รวมถึงแนวทางของนโยบายการคลังและความจำเป็น ในการรักษาสมดุล ด้านนโยบายในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวดใหม่นี้ หากรัฐพิจารณาดีแล้ว ก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ต้นทุนสินค้าจะเพิ่มขึ้นและจะผลักดันให้ราคาสินค้าขยับตามมาและจะกระจายไปยังสินค้าหลากหลายประเภทมากกว่าเดิม โดยในช่วงที่ราคาสินค้าอยู่ในระดับสูง กังวลอย่างเดียวคือ อย่ากักตุนสินค้า และแย่งกันซื้อ เพราะจะทำให้ราคาสินค้ายิ่งพุ่งสูงอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.มีการจัดกลุ่มภาคอุตสาหกรรม 45 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ใช้พลังงานในการผลิตมากๆ ได้แก่ โรงงานเยื่อกระดาษ หล่อโลหะ เซรามิก แก้ว จึงจะได้รับผลกระทบสูง แต่อุตสาหกรรมอื่นๆ ผลกระทบก็จะลดไปตามลำดับซึ่งที่ผ่านมาทุกส่วนได้มีการประหยัดในรูปแบบต่างๆ เช่น ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปไว้ใช้เอง ซึ่งค่าไฟฟ้าที่แพงก็เข้าใจว่าเชื้อเพลิงผูกติดกับตลาดโลกทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งบางประเทศมีผลกระทบรุนแรงกว่าประเทศไทย ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหลีกเลี่ยงไม่ได้

“กรณีความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันประเมินว่า จะมีความซับซ้อน และยืดเยื้อ แต่ก็อาจจะเป็นโอกาสให้กับไทยได้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้า หรือส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอาหาร หลังจีนออกมาตรการระงับสินค้าหลายประเภท ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้ไปอีกระยะ ตลอดจนการลงทุน โดยอาจมีการโยกย้ายฐานการลงทุนบางส่วนมายังไทยได้เช่นกัน”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ