จ๊าก! ไข่แพง “พาณิชย์” เร่งถกผู้เลี้ยง “บิ๊กตู่” ลั่นอย่าฉวยโอกาส

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จ๊าก! ไข่แพง “พาณิชย์” เร่งถกผู้เลี้ยง “บิ๊กตู่” ลั่นอย่าฉวยโอกาส

Date Time: 2 มี.ค. 2565 06:50 น.

Summary

  • “บิ๊กตู่” ห่วงสินค้าแพง ขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งฉวยโอกาส หลังพาณิชย์รายงานราคาไข่พุ่งแผงละ 9 บาท สั่งสำรวจปริมาณไข่ในประเทศ-ส่งออก ระบุอยากให้ผลิตเพิ่ม สานสัมพันธ์ซาอุฯ ที่อยากซื้อไข่จากไทย

Latest

บอร์ดอีวีไฟเขียวลดภาษีสรรพสามิต ถึงคิวรถยนต์ไฮบริดบูม

“บิ๊กตู่” ห่วงสินค้าแพง ขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งฉวยโอกาส หลังพาณิชย์รายงานราคาไข่พุ่งแผงละ 9 บาท สั่งสำรวจปริมาณไข่ในประเทศ-ส่งออก ระบุอยากให้ผลิตเพิ่ม สานสัมพันธ์ซาอุฯ ที่อยากซื้อไข่จากไทย ยืนยันกำลังหาทางช่วยลดผลกระทบราคาเบนซินพุ่ง แต่คงช่วยได้บางกลุ่มอาชีพ ด้าน “จุรินทร์” เชิญสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่มาหารือแก้ปัญหา ห่วงวิกฤติยูเครน-น้ำมันแพง-ค่าเงินผันผวน ทำผู้ส่งออก-นำเข้าป่วน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้รายงานถึงราคาไข่ไก่ที่สูงขึ้น ซึ่งเกิดจากราคาอาหารสัตว์แพงขึ้น และจะไปดูว่าจะทำอย่างไร โดยส่วนตัวตนก็เป็นห่วงราคาสินค้าที่จะแพงขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงมันจะเกิดขึ้นที่รัสเซียและยูเครนก็ตาม ก็อาจกระทบต่อเนื่องมา จึงต้องขอความร่วมมือกับทุกคน ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามจะหามาตรการเข้าไปช่วยเหลือดูแลให้ได้ทุกเรื่อง หลายอย่างเดือดร้อนกันไปหมด สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจและความร่วมมือกัน และวันนี้ต้องขอร้องไปยังภาคเอกชนด้วย

“ถ้าเราพูดว่าไอ้นี่แพงไอ้โน่นแพง ก็ต้องไปดูสาเหตุแพงมาจากตรงไหน และจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งฉวยโอกาสอะไรกันตอนนี้ให้มากนักเลย อะไรที่ดูแลได้จะดูแลให้ อันไหนเป็นเรื่องกลไกตลาดก็อีกเรื่องหนึ่ง”

ขณะที่มาตรการดูแลราคาน้ำมันเบนซินไม่ให้ขยับสูงขึ้นนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้หารือและได้สั่งการไปแล้ว ที่ผ่านมาเสนอให้รัฐบาลลดโน่นลดนี่ ลดภาษีสรรพสามิต แต่วันนี้มาบอกว่าถ้าไม่มีรายได้จากภาษีสรรพสามิตแล้วรัฐบาลจะทำอย่างไร ก็ลดไปแล้วเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนไม่ใช่หรือ วันนี้กำลังให้ดูแลภาคเบนซินว่าจะทำอย่างไร อาจจะช่วยเป็นกลุ่มเป็นอาชีพต่างๆได้หรือไม่ ถ้าไปกันทั้งหมดมันก็พัง และรัฐบาลไม่มีเงินจะไปอุดหนุนอะไรได้ทั้งหมดอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุม ครม.วันที่ 1 มี.ค.ในช่วงที่มีการหารือกันถึงการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อพัฒนาการด้านเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ซาอุฯต้องการซื้อไข่ไก่จากไทยเป็นจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รีบไปตรวจสอบตัวเลขไข่ไก่ของประเทศไทยว่าขณะนี้มีปริมาณเท่าไหร่ บริโภคในประเทศเท่าไหร่ ส่งออกเท่าไหร่ และให้ดูด้วยว่า ไทยจะสามารถเพิ่มผลผลิตเพื่อขายให้ซาอุฯได้หรือไม่

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ราคาไข่สูงขึ้นทันทีแผงละ 9 บาท ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนว่า ตอนนี้ถือว่าราคาไม่ได้สูงเกินสมควร เพราะราคากำกับไข่ไก่ของกระทรวงพาณิชย์ เบอร์ 3 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อฟอง ขณะนี่ราคาเฉลี่ยยังอยู่ที่ 3.29 บาทต่อฟอง ซึ่งเป็นผลจากที่กรมการค้าภายในได้หารือกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่มาตลอด และบางห้างสรรพสินค้าเหลือ 3.20 บาทต่อฟอง

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของผู้เลี้ยงไก่ไข่ปรับสูงขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเชิญสมาคมฯหารืออีกครั้งเพื่อหาทางออกร่วมกันให้เกิดผลดีที่สุดทั้งเกษตรกรและฟาร์ม ผู้รวบรวมไข่รวมทั้งผู้บริโภค ทำอย่างไรให้สมดุลที่สุดเท่าที่จะทำได้

กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาสินค้ามาตลอด โดยจากที่กำกับใกล้ชิดทั้งหมด 18 หมวด และเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ตนได้แถลงว่าราคาสินค้าหลายหมวดมีการลดราคา โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าสำคัญที่เป็นตัวชี้นำตลาด เครื่องใช้ไฟฟ้าลดสูงสุดถึง 70% รายการสินค้าอื่นๆอีกหลายรายการมีการลดราคาลงมา หมูเนื้อแดง ล่าสุดราคาเฉลี่ยทั่วทั้งประเทศต่ำกว่า 150 บาท/กก. ห้างสรรพสินค้าสำคัญบางห้าง เหลือ 128 บาท/กก.

“สำหรับผลกระทบของรัสเซีย-ยูเครน ที่จะมีผลกระทบมากคือราคาน้ำมัน ซึ่งกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งไทยเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับค่าขนส่งสินค้าถึง 40% และหากถามว่ากระทบการค้าที่ไทยค้ากับรัสเซีย-ยูเครนหรือไม่ ผมได้ไปดูสัดส่วนการส่งออกไปรัสเซีย ตลาดรัสเซียมีสัดส่วน 0.38% ของการส่งออกไทยที่ส่งออกไปทั่วโลก และยูเครน คิดเป็น 0.04%

อย่างไรก็ตาม เราไม่อยากเสียตลาดใดไป แต่ตอนนี้มีข้อจำกัด เพราะผู้ส่งออกต้องระมัดระวังค่าเงินรูเบิลผันผวนมาก การคิดอัตราแลกเปลี่ยนจะมีผลต่อกำไรขาดทุนของผู้นำเข้าและส่งออกไทย เอกชนจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง คำนึงถึงค่าเงินด้วย แต่คิดว่าภาคเอกชนไหวอยู่แล้ว และเราก็เตรียมการหาตลาดทดแทนเพิ่มเติม โดยมีสินค้าบางรายการที่สามารถส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั้งสหรัฐฯ อียู ที่รัสเซียเคยส่งออกไปทดแทนได้เพราะถ้ารัสเซียส่งออกสินค้าเหล่านั้นไปไม่ได้ จะเป็นช่องทางหนึ่งของไทยมีโอกาสทำตลาดได้บางส่วน”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ