56% เห็นด้วยพร้อมเปิด 120 วัน โพล ส.อ.ท.ชี้เร่งวัคซีน-คุมโควิดให้ได้

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

56% เห็นด้วยพร้อมเปิด 120 วัน โพล ส.อ.ท.ชี้เร่งวัคซีน-คุมโควิดให้ได้

Date Time: 1 ก.ค. 2564 07:15 น.

Summary

  • ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรพิจารณาจากความพร้อมและสถานการณ์ในการควบคุมโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ

Latest

"มนพร" ปลื้มบินตรงหัวหินพุ่งพรวด สนามบินภูมิภาคคึกคักรับไทยเที่ยวไทย

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจโพล ส.อ.ท. (FTI Poll) ภายใต้หัวข้อ “120 วัน เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ” ซึ่งพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ควรพิจารณาจากความพร้อมและสถานการณ์ในการควบคุมโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีจำนวนเพียงพอ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. รวม 201 คน จาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 56.7% รองลงมา เห็นด้วยกับเป้าหมายในการเปิดประเทศ ภายใน 120 วัน 31.3% และมองว่ายังไม่ควรเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะ 3-4 เดือน 9.5% ส่วนความเห็นที่ต้องการให้เร่งเปิดประเทศให้เร็วกว่าเป้าหมาย คิดเป็น 2.5%

โดยรูปแบบการเปิดประเทศที่เหมาะสมได้แก่ ทยอยเปิดเป็นบางพื้นที่ตามความพร้อมของจังหวัด 59.2% รองลงมา การเปิดเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว 34.8% และลำดับสุดท้ายเป็นการเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ คิดเป็น 6.0% ขณะที่ประเด็นเรื่องการกำกับดูแลที่ภาครัฐควรดำเนินการหลังเปิดประเทศ พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ การประเมินศักยภาพพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว การจำกัดพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว และการเดินทางข้ามจังหวัด 74.1% รองลงมา การพัฒนาระบบติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 72.1% และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ 67.2%

“โพลยังถามไปถึงกรณีที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจากการเปิดประเทศ ภาครัฐควรเตรียมแผนสำรองในการรับมือไว้อย่างไร พบว่าอันดับแรก ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน สถานที่กักตัวทางเลือก และโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ 83.1%”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ