อวสานคนชอบแซงซ้าย วิ่งไหล่ทางบนทางด่วน..กทพ.ติดกล้องตรวจจับรถยนต์วิ่งไหล่ทางซ้าย หรือ ช่องทางฉุกเฉิน ฝ่าฝืนรอรับใบสั่งปรับ 1 พันถึงหน้าบ้าน
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 64 สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. กล่าวว่า จากข้อมูลของ กทพ. โดยระบบงานเหตุการณ์บนทางพิเศษ (TFC) พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนทางพิเศษ ในปีงบประมาณ 2563 มีมากกว่า 800 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 440 ราย และเสียชีวิตจำนวน 7 ศพ
โดยประมาณ 50% ของอุบัติเหตุมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ เช่น การใช้ความเร็วสูง การเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ซึ่ง กทพ. โดยฝ่ายควบคุมการจราจร จึงได้จัดทำแผนการดำเนินงานการป้องกันอุบัติเหตุในทางพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2563 -2565 ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้บนทางพิเศษ
ดังนี้
1. การติดตั้งป้ายแจ้งเตือนความเร็ว หรือ Your Speed Sign ที่ทำงานควบคู่ไปกับกล้องตรวจจับความเร็วเพื่อให้ผู้ใช้ทางพิเศษใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด โดย กทพ. จะดำเนินการติดตั้งให้ครอบคลุมทั่วทุกสายทางพิเศษ รวมจำนวนทั้งสิ้น 17 จุด บนทางพิเศษ 4 สายทาง
ทั้งนี้ กทพ. ได้ดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จในเดือน ก.พ. 64 จำนวน 2 เส้นทาง คือ ทางพิเศษบูรพาวิถี จำนวน 4 จุด และทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 5 จุด
สำหรับอีก 2 เส้นทางที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ประกอบด้วย ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) จำนวน 4 จุด คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.ย. 64 และทางพิเศษฉลองรัช
2. การติดตั้งกล้องตรวจจับรถยนต์วิ่งไหล่ทางซ้าย หรือ ช่องทางฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในไหล่ทาง โดย กทพ. จะดำเนินการติดตั้ง จำนวน 32 จุด บนทางพิเศษ 4 สายทาง ซึ่ง กทพ. ได้ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 63 จำนวน 1 เส้นทาง คือทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) จำนวน 10 จุด
ส่วนอีก 3 เส้นทาง อยู่ในระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2564 ประกอบด้วย ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 6 จุด ทางพิเศษฉลองรัช จำนวน 8 จุด และทางพิเศษบูรพาวิถี จำนวน 8 จุด
ทั้งนี้ ในส่วนของทางพิเศษที่มีเอกชนร่วมดำเนินการ กทพ. ได้ประสานให้มีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว และกล้องตรวจจับรถยนต์วิ่งไหล่ทางซ้าย (ช่องทางฉุกเฉิน) เช่นกัน
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน กทพ. จะรวบรวมข้อมูลผู้กระทำผิดพร้อมไฟล์ภาพจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 5 เม.ย. 64 เป็นต้นไป เบื้องต้นจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 103 และ 139 หากฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร อัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท