หมอเริ่มเป็นห่วง การตัดสินใจ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศบค. เหมือน การนำประเทศไทยเข้าสู่สงคราม เป็น สงครามระหว่างคนไทยกับเชื้อไวรัสโควิด–19 ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดการระบาดรอบ 2 สถิติร้อยกว่าวันไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศเลย พบแต่ผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการในช่วงกักตัว 14 วัน แต่กลับตรวจพบเชื้อโควิด–19 ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินับพันนับหมื่นกักตัว 14 วัน แล้วยังมีเชื้อแพร่ได้อีก ประเทศไทยจะรับความเสี่ยงนี้ไหวหรือไม่
ครม.เพิ่งมีมติวันอังคาร แต่ ต่างชาติกลุ่มแรกเข้ามาแล้ว เพื่อกักตัว 14 วัน เป็นนักกีฬาที่เข้ามาแข่งขันจักรยานทางไกลเฉลิมพระเกียรติ วันที่ 6–16 ตุลาคม ตั้งแต่ สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ไปสิ้นสุดที่ สุราษฎร์ธานี ไม่รู้มาจากประเทศไหนบ้าง
นักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ก็จะมาถึงเมืองไทยติดๆกันวันที่ 8 ตุลาคม คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ เปิดเผยว่า เป็นนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองกว่างโจว 150 คน เช่าเหมาลำแอร์เอเชียไปลงที่ภูเก็ต ไม่ใช่ไพรเวทเจ็ตอย่างที่วาดฝัน วันที่ 25 ตุลาคม จะเข้ามาเพิ่มอีก 126 คน และ 1 พฤศจิกายน จะมาจากสแกนดิเนเวียอีก 120 คน โดย ครม.ให้เข้ามาสัปดาห์ละ 300 คน เดือนละ 1,200 คน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องเข้าพักในโรงแรมที่กักกันทางเลือก (ALSQ) ซึ่งก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
ชาวต่างชาติที่ ศบค. ครม. อนุมัติให้เดินทางเข้าไทยได้มี 6 กลุ่ม นักกีฬา ลูกเรือเครื่องบิน นักธุรกิจที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานในไทย นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ และ นักธุรกิจที่ถือบัตร APEC 18 ประเทศอีกหลายแสนคน เบื้องต้นจะเลือกประเทศที่เสี่ยงน้อย เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง คาดว่ามีประมาณ 1 แสนคน ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนยังมีความเสี่ยงสูง เพราะมีการระบาดรอบสองมาแล้วทั้งสิ้น
การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวรวบรัดแบบนี้ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์แสดงความเป็นห่วงว่า “ถึงเวลาที่ประชาชนแต่ละคนจะต้องพึ่งตนเองอย่างเต็มที่ เพราะนี่คือสงครามการเอาชีวิตรอด...ระหว่างไวรัสกับคน” ผู้ติดเชื้อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวัน จาก 5 ล้านไป 10 ล้าน ใช้เวลา 38 วัน ล่าสุด จาก 25 ล้านไป 30 ล้าน ใช้เวลา 18 วัน และ จาก 30 ล้านไป 35 ล้าน คาดว่าจะใช้เวลา 17.5–18 วัน บ่ายวันพุธมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 33.86 ล้านคน วันนี้น่าจะเลย 34 ล้านคนไปแล้ว
คุณหมอธีระ ระบุในเฟซบุ๊กว่า ประเทศที่มีการระบาดรุนแรง มีผู้ติดเชื้อสูงกว่าไทยหลายเท่าถึงเกือบ 20 เท่า การเปิดประตูประเทศเพื่อรับคนกลุ่มเป้าหมายใดๆเข้ามา ย่อมมีความเสี่ยงตามมาแน่นอน ไม่ว่าจะมีระบบคัดกรองกักตัวอย่างไรก็ตาม ยิ่งรับเข้ามามากเท่าใด โอกาสหลุดก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นประตูบานสุดท้ายที่ไม่ควรเปิด ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงทั่วโลกเช่นนี้
แต่เมื่อ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สั่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวไปแล้ว โดยคนไทยยังไม่ทันได้ตั้งตัว คุณหมอธีระ ระบุว่า สถานการณ์ถัดจากนี้ สิ่งที่ประชาชนอย่างพวกเราทุกคนจะต้องทำอย่างจริงจัง 2 เรื่องเท่านั้น หนึ่ง–ใส่หน้ากากเสมอ...นี่เป็นหัวใจสำคัญ สอง–คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา หากไม่ช่วยกันอย่างเต็มที่ ระบาดซ้ำมักจะมาเร็ว แรง กระจาย คุมยาก ใช้เวลานานกว่าเดิม 1.5–3 เท่า และจำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงกว่าเดิมราว 1.3–2.6 เท่า ผลกระทบจะเกิดในวงกว้าง จนเราอาจมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูในยามที่จำเป็นต้องทำ
ฟังแล้วก็หนาว ถ้าไทยเกิดระบาดรอบสองจริง อย่างที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คาดการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาว เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพราะไวรัสชอบอากาศหนาวครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”