กสทช.เชิญทีวีดิจิทัลคุยปมเรียงเลขช่อง ผู้ประกอบการย้ำต้องเลขช่องเดิม

กสทช.เรียกผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีมาพูดคุยก่อนวันที่ 25 ส.ค.นี้ ศาลปกครองสูงสุดจะพิจารณาคดี "เรียงช่องทีวี" ครั้งแรก ก่อนนัดอ่านคำพิพากษา โดยเตรียมความพร้อมรับมือก่อนหากผลออกมาให้มีการเรียงช่องใหม่ อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล, โครงข่ายเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการในเรื่อง การเรียงช่องใหม่

หลังศาลปกครองกลาง มีคำสั่งว่าประกาศ "เรียงช่อง" ของ กสทช. ปี 2558 เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ไม่ต้องเรียงหมายเลขช่องตามประกาศเดิม โดยศาลปกครองสูงสุด เตรียมนั่งพิจารณาคดีเรียงช่องทีวีครั้งแรก 25 ส.ค.63 นี้

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีขั้นอุทธรณ์ หากผลการพิจารณาคดีเป็นไปตามศาลปกครองกลาง จะเกิดความสับสนกับผู้ชม เพราะผู้ชมหาช่องไม่เจอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ลงทุนในการประมูลไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท

โดย นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจ บริษัท บีอีซีเวิล์ด จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เสนอว่า ให้ช่อง 11 ถึง 36 เป็นเลขช่องทีวีดิจิทัลแบบเดิม ส่วนช่อง 1 ถึง 10 บนโครงข่ายทั้งทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ คือ ต้องเป็นเพย์ทีวี โฆษณาได้ไม่เกิน 5 นาทีต่อชั่วโมง และไม่ควรเป็นช่องเพย์ทีวีเดิมที่อยู่ในช่อง 11 - 36 และไม่เป็นช่องทีวีดิจิทัลที่เคยคืนช่องไปแล้ว

ด้าน นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) ระบุว่า สมาคมฯ ได้เสนอให้ กสทช. เร่งสรุปและออกประกาศออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อทำให้คำสั่งของศาลปกครองกลางไม่มีผล ทุกวันนี้ผู้ชมทีวีดิจิทัลผ่านกล่องรับสัญญาณ หรือ Set-top box เพียง 20% ที่เหลือรับชมผ่านดาวเทียมและเคเบิลทีวี หากคำตัดสินของศาลปกครองให้เรียงช่องกันเองจะเกิดความสับสน ผู้ชมหาช่องไม่เจอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ อันดับความนิยม และรายได้ค่าโฆษณาตามมา โดยขอให้ยึดเลขช่องเดิม