คลังเผยโควิด-19 คลี่คลาย ยอดขอสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เริ่มฟื้นตัว

คลังเผย เดือน มิ.ย.มีธุรกิจขอสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สะสม 1,214 ราย หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ชี้มีหนี้เสียถึง 15.84% คิดเป็น 423.69 ล้านบาท เหตุลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ หรือ "สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์" ในเดือน มิ.ย. 2563 เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวจากเดือน พ.ค. 2563 ไปในทิศทางบวก

ทั้งในด้านยอดสินเชื่ออนุมัติ และจำนวนผู้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เนื่องจากปัจจัยหลักที่ส่งผลลบจากการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับรัฐบาลได้เริ่มดำเนินการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมหลายประเภทเริ่มกลับมาดำเนินชีวิต และประกอบธุรกิจได้ตามปกติ

ในเดือน มิ.ย. 2563 มีจำนวนผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิ 1,214 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 2563 จำนวน 15 ราย ประกอบด้วย ผู้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพื่อให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ย/กำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันได้ไม่เกิน 36% ต่อปี สะสมสุทธิจำนวน 1,049 ราย

และผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัส ซึ่งมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ยกำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันได้ไม่เกิน 36% ต่อปี สำหรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทแรก และสำหรับวงเงินสินเชื่อที่เกินกว่า 50,000 บาทเป็นต้นไป ให้เรียกเก็บได้ไม่เกิน 28% ต่อปี สะสมสุทธิจำนวน 165 ราย

ส่วนยอดขอสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 59 - มิ.ย. 63 มีนิติบุคคลยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อทั้งประเภทพิโกไฟแนนซ์ และประเภทพิโกพลัสสะสมรวมทั้งสิ้น 1,350 ราย ใน 76 จังหวัด โดยจังหวัดที่ยังไม่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อทั้งสองประเภท คือ จังหวัดอ่างทอง ส่วนจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตสะสมมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และขอนแก่น ตามลำดับ

"ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีจำนวนนิติบุคคลที่แจ้งคืนคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ สะสมรวมทั้งสิ้น 136 ราย ใน 53 จังหวัด จึงคงเหลือจำนวนนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อทั้ง 2 ประเภท สะสมสุทธิ 1,214 ราย ใน 75 จังหวัด และมีจำนวนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภท สะสมสุทธิ 932 ราย ใน 74 จังหวัด"

ส่วน ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2563 มียอดสินเชื่อคงค้างสะสมรวมจำนวนทั้งสิ้น 113,150 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 2,675 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1 - 3 เดือน สะสมรวมจำนวน 14,914 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 374.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.99% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน

โดยเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL สะสม อยู่ที่ 16,195 บัญชี คิดเป็นเงิน 423.69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.84% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือน เม.ย.2563 ที่มียอดเอ็นพีแอล อยู่ที่ 15.28% เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง หรือกลุ่มพนักงานโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ลูกหนี้หลายรายมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง

นอกจากนี้ ณ เดือน มิ.ย. 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 2563 จำนวน 490 ราย ส่วนผลการดำเนินการจับกุมปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายนับตั้งแต่เดือน ต.ค.- 2559 - มิ.ย. 2563 มีจำนวนสะสมทั้งสิ้น 6,002 ราย