ธปท.ชี้จีดีพีปีนี้ติดลบทุกไตรมาส หวังผลมาตรการรัฐชุดที่ 3 กระตุ้นลมหายใจ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ธปท.ชี้จีดีพีปีนี้ติดลบทุกไตรมาส หวังผลมาตรการรัฐชุดที่ 3 กระตุ้นลมหายใจ

Date Time: 1 เม.ย. 2563 09:01 น.

Summary

  • ธปท.ชี้เศรษฐกิจปีนี้ติดลบทุกไตรมาส แต่หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 3 อีกไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนเงินแจก 5,000 บาทมากกว่า 3 ล้านคน ช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 2-3%

Latest

คลังจ่อปรับเงื่อนไขแจก "เงินดิจิทัลเฟส 3" จ่ายง่ายถอนเงินสะดวก

ธปท.ชี้เศรษฐกิจปีนี้ติดลบทุกไตรมาส แต่หากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 3 อีกไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนเงินแจก 5,000 บาทมากกว่า 3 ล้านคน ช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 2-3%

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.ว่า เห็นการหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวสูงถึง 42.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวจากจีนลดลง 85% นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ลดลง 73% อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.พ.ยังมีนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เป็นบวก ส่วนเดือน มี.ค.คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวยังจะลดลงอีกจากมาตรการการปิดพรมแดนแทบทุกประเทศ ส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร รวมถึงธุรกิจขนส่งอย่างรุนแรง

ขณะที่การส่งออกและการนำเข้าสินค้าได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการปิดเมืองของจีน และในอนาคตได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะถดถอยทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดตามฐานการส่งออกสินค้าของ ธปท.เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา การส่งออกรวมทองคำขยายตัว 3.6% แต่หากไม่รวมมูลค่าการส่งออกหดตัวต่อเนื่อง 1.3% ส่วนการนำเข้าขยายตัวลดลงมากถึง 7.8% จัดเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า ทั้งการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าขั้นกลาง สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตาม และน่ากังวลคือ การหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตทั้งจากจีนต่อการผลิตของไทย และประเทศอื่นๆที่ทยอยปิดประเทศ

“ในเดือน ก.พ.การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน ยังคงหดตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน เพราะยังไม่ได้อนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังมีไม่มาก แต่ในช่วงต่อไปคาดว่าการใช้จ่ายของรัฐ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชุดที่ 1 และ 2 รวมกันในวงเงินรวมกันกว่า 400,000 ล้านบาท จะช่วยพยุงภาระค่าใช้จ่ายของผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่คงไม่สามารถที่จะชดเชยการย่อตัวของเศรษฐกิจได้มากนัก เพราะประมาณการเศรษฐกิจที่ติดลบ 5.3% ในปีนี้ได้รวมปัจจัยบวกจากการแจกเงิน 5,000 บาทให้กับคนไทยประมาณ 3 ล้านคนไว้แล้ว”

โดย ธปท.มองว่า เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 และค่อยๆปรับดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 แต่เป็นการติดลบทุกไตรมาส และจะดีขึ้นจริงในปีหน้า หากสามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี โดยปัจจัยบวกที่จะเพิ่มขึ้นได้ คือ การแจกเงิน 5,000 บาทในส่วนที่มากกว่า 3 ล้านคนที่ ธปท.คาดไว้ ซึ่งจะมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น รวมทั้งการช่วยพักหนี้ตามมาตรการของ ธปท.ทั้งนี้หากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 3 ออกมาเพิ่มซึ่งระบุว่าจะมีเม็ดเงินมากกว่าชุดที่ 1 และชุดที่ 2 รวมกัน ซึ่งหากคิดง่ายๆว่าเท่ากัน คือมีเงินเพิ่มอีก 400,000 ล้านบาท เม็ดเงินทั้งหมดจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 2-3%

ส่วนเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนพบว่า การใช้จ่ายของประชาชนขยายตัวจากปีก่อน 3.4% ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน โดยประชาชนเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกักตุนจากความกังวลสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่การใช้จ่ายในหมวดอื่นๆหดตัว โดยคาดว่าทั้งปีการใช้จ่ายโดยรวมน่าจะหดตัวสอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งรายได้ และการจ้างงาน ที่ลดลงจากผลกระทบของโควิด-19 โดยเห็นได้ชัดจากการขอรับค่าชดเชยการจ้างงานของประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นสูงมาก และความเชื่อมั่นประกอบการ และประชาชนลดต่ำต่อเนื่อง ขณะที่ภาระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

ขณะที่การลงทุน และการผลิตภาคเอกชนหดตัวมากขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนลดลง 10.1% ส่วนดัชนีการผลิตภาคเอกชนลดลง 5.2% จากการสำรวจของ ธปท.พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในระดับ 3 ดาวคือ ธุรกิจทัวร์ แหล่งท่องเที่ยว และโรงแรม ขณะที่ผลกระทบต่อธุรกิจ และแรงงานในระดับรองลงมาที่ 2 ดาว คือ สายการบิน ค้าปลีก และสถานบริการ ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบระดับ 1 ดาวคือ อาหาร รถยนต์และชิ้นส่วน ผลไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะลดระดับการจ้างงานในระยะต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ