ก.ล.ต.ผนึกกำลังตลาดหลักทรัพย์ ผุด 3 โครงการเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนไทย

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ก.ล.ต.ผนึกกำลังตลาดหลักทรัพย์ ผุด 3 โครงการเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนไทย

Date Time: 3 มิ.ย. 2562 06:01 น.

Summary

  • เลขา ก.ล.ต.คนใหม่เครื่องร้อน!! เรียกหารือร่วมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ หวังประสานการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อพัฒนาตลาดทุน เร่งเดินหน้า 3 โครงการ

Latest

โลกเข้าสู่ยุคสมัย ทรัมป์ 2.0 จับตา 6 เดือนอันตราย หลังสหรัฐฯ คือ ตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย



เลขา ก.ล.ต.คนใหม่เครื่องร้อน!! เรียกหารือร่วมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ หวังประสานการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อพัฒนาตลาดทุน เร่งเดินหน้า 3 โครงการ วันสต็อปเซอร์วิส, One Report และ One ESG หวังลดซ้ำซ้อน เพิ่มความสะดวกให้บริษัทจดทะเบียน และรวมศูนย์การพัฒนา ESG พร้อมหนุนการทำวิจัยและฐานข้อมูลร่วมกัน ก่อนเชื่อมต่อกับกระทรวงพาณิชย์

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหาร ก.ล.ต.ได้นัดหารือกับทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทุนไทย ลดความซ้ำซ้อนและลดภาระในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ และอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทจดทะเบียน

นางสาวรื่นวดี กล่าวต่อว่า รายละเอียดของการหารือในครั้งนี้มี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การ สานต่องานของเลขาธิการ ก.ล.ต.คนเก่า ซึ่งได้ทำข้อตกลงร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ในการผลักดันโครงการวันสต็อปเซอร์วิส (One Stop Service) โดยจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการระดมทุนสำหรับบริษัทที่สนใจระดมทุน และการปฏิบัติตามเกณฑ์ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วแบบครบวงจร จากปัจจุบันที่ต้องติดต่อสอบถามในเรื่องเดียวกันจาก 2 หน่วยงาน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเปิดศูนย์ให้บริการได้วันที่ 24 ก.ย.นี้ “โครงการวันสต็อปเซอร์วิสจะเป็นบริการที่ช่วยลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงานทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งจะเปิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำถามมายังหน่วยงานและจะมีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามเชิงลึก รวมถึงจะมีการวัดผลความพึงพอใจของบริษัทจดทะเบียนด้วย ขณะที่ในอนาคตอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์ด้วย”

ส่วนประเด็นที่ 2 คือ One Report เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทจดทะเบียน โดยลดความซ้ำซ้อนของแบบรายงาน 56-1 และแบบรายงาน 56-2 ที่มีสาระสำคัญใกล้เคียงกันให้เหลือเพียงแบบเดียว ส่วนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) ของบริษัทที่ยื่นคำขอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) นั้น จะบังคับใช้ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป นอกจากนี้ จะปรับปรุงแบบรายงานให้กระชับขึ้น

ส่วนประเด็นที่ 3 คือ One ESG คือการรวมศูนย์การพัฒนา ESG คือการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและการมีธรรมาภิบาล เพื่อผลักดัน การขับเคลื่อน ESG ของตลาดทุนไทย โดยเน้นให้เกิดการปฏิบัติจริง ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมา โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมเป็นกรรมการ รวมถึงจะผลักดันให้มีเกณฑ์มาตรฐานในการให้รางวัลด้าน ESG ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อเป็นกำลังใจให้บริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนต่อไป เพราะมาตรฐานการให้รางวัลที่สูงทำให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กไม่สามารถสู้บริษัทใหญ่ได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมร่วมผู้บริหารยังมีความเห็นร่วมกันในการทำวิจัยและฐานข้อมูลร่วมกัน รวมถึงการทำฐานข้อมูลของตลาดทุนเพื่อเชื่อมโยงไปยังกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการปรับกฎเกณฑ์ในการทำไอพีโอที่เอื้ออำนวยกับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี ให้เข้ามาระดมทุนในตลาดทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจมีการแยกคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ให้กับเอสเอ็มอี ส่วนในเรื่องการคุ้มครองผู้ลงทุนนั้น จะเน้นผลักดันบทบาทของสมาคมผู้ลงทุนไทย และสร้างความตระหนักรู้ เบื้องต้นได้หารือกับสภาทนายความในการมาให้ความรู้กับผู้ลงทุนด้วย

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ กล่าวว่า การสนับสนุนและการบูรณาการทำงานร่วมกันกับ ก.ล.ต.จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์มีแผนกลยุทธ์สำคัญ คือ “Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth” โดยมุ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจรของประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทุกภาคส่วนซึ่งตลาดหลักทรัพย์ได้ทำงานร่วมกับผู้ร่วมตลาดอย่างใกล้ชิด.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ