เทคโนโลยีดิสรัปชัน ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้มีการเปลี่ยนแปลงและเกิดผลกระทบขึ้นดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตลาดกล้องถ่ายภาพดิจิทัลนับได้ว่าได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่น้อยจากกระแสนิยมของสมาร์ทโฟนที่มีความชาญฉลาดและมีคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลาย
กล้องดิจิทัลนับว่าอยู่ในวังวนของ “ดิสรัปชัน” แจ้งเกิดกับเทคโนโลยีที่มาทดแทนกล้องถ่ายภาพที่ใช้ฟิล์มจนแทบจะมีคนใช้จำกัดเฉพาะกลุ่ม เรียกว่าย้อนอดีตก็ว่าได้ ผู้ประกอบการเองยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสมาร์ทโฟนที่พัฒนาได้ขึ้นเรื่อยๆ โดยแบรนด์ “แคนนอน” มองว่าตลาดกล้องกำลังเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นายนิฐิวัฒน์ วัจนวรานันท์ หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ คอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดกล้องดิจิทัลได้รับผลกระทบมาก โดยท่านประธานแคนนอน ญี่ปุ่นเคยกล่าวว่าตลาดนี้ได้รับผลกระทบลดเหลือครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อมองให้ลึกลงไปที่ได้รับผลกระทบก็คือตลาดสำหรับผู้ใช้มือใหม่ไปจนถึงระดับกลาง
สำหรับแคนนอนที่มีผลิตภัณฑ์ที่เน้นระดับกลางขึ้นไปจนถึงระดับฟูลเฟรมไม่ได้รับผลกระทบ แต่ที่น่าสนใจก็คือต่อไปตลาดกำลังกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องฟูลเฟรม ที่ต่อไปจากนี้ถ้าไม่ใช่ฟูลเฟรมจะไม่ได้รับความนิยม ดังนั้น การพัฒนาฟูลเฟรมจึงเป็นกลยุทธ์หลักของแคนนอนโดยกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมจะเป็นอนาคตต่อไป
ล่าสุด ได้เปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุด “แคนนอน อีโอเอส อาร์พี” (Canon EOS RP) ด้วยเทคโนโลยีจัดเต็มในตัวกล้องขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาที่สุดในซีรีส์ EOS แบบฟูลเฟรม บรรจุด้วยเซ็นเซอร์ Dual Pixel CMOS 26.2 ล้านพิกเซล จับโฟกัสไวเพียง 0.05 วินาที แม่นยำแม้ในที่แสงน้อยถึง EV-5 และระบบตรวจจับดวงตาสุดล้ำ (Eye Detection AF) มิเรอร์เลส ฟูลเฟรมล่าสุดในตระกูล EOS R ที่มาในน้ำหนักเพียง 485 กรัม เล็ก และ เบาที่สุดในปัจจุบัน
เสริมทัพด้วยเลนส์รุ่นใหม่ในตระกูล RF ที่เปิดตัวพร้อมกันถึง 6 รุ่น ราคาตัวกล้อง 48,900 บาท และตัวกล้องพร้อมเลนส์ RF 24-105L ราคา 88,690 บาท
นายนิฐิวัฒน์ กล่าวว่า การรุกตลาดมิเรอร์เลสฟูลเฟรมของแคนนอนที่เริ่มต้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีหลายคนถามว่าทำไมถึงมาช้า เนื่องจากแคนนอนเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง การทำตลาดจะต้องทำในระยะยาว การพัฒนาจึงต้องออกมาเป็นแบบ “ฟูลไลน์อัป” กล้องและเลนส์จะต้องใช้ร่วมกันได้ ผ่าน Mount Adapter หมายความว่าผู้ใช้เดิมที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ของแคนนอนกับเลนส์สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไปใช้ร่วมกันได้ หรือซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้กับของเดิมได้
อย่างไรก็ตาม ตลาดดีเอสแอลอาร์ยังมีอยู่แม้ว่ากระแสของกล้องมิเรอร์เลสจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดูได้จากยอดขายที่ยังดีอยู่แม้ว่าจะกระทบบ้างในช่วงเปิดตลาดมิเรอร์เลส เพราะลูกค้ารอให้ราคาจำหน่ายลงมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจซื้อ ต่อไปแคนนอนจะมีผลิตภัณฑ์รองรับทั้ง 2 รูปแบบในทุกเซ็กเมนต์
“นี่จึงเป็นเหตุผลที่แคนนอนมองอนาคตที่กล้องมิเรอร์เลสด้วยการแนะนำกล้องรุ่นใหม่พร้อมเลนส์อีก 6 รุ่น แม้ว่าเพิ่งจะเปิดตัวกล้องใหม่มาช่วงปลายปี และพร้อมวางตลาดทันที นับเป็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน การทำตลาดค่อนข้างเร็ว เพราะแคนนอนเองต้องการตอบสนองลูกค้าที่ต้องการกล้องมิเรอร์เลสที่เป็นฟูลเฟรมจริงๆ ตอกย้ำความมั่นใจว่าได้ให้ความสำคัญกับตลาดกล้องนี้ขนาดไหน”
สำหรับเป้าหมายตลาดในประเทศไทย แคนนอนเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ 53% และยืนหยัดการเป็นผู้นำมาตลอด 12 ปี และยังตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นต่อไป โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 58% ส่วนตลาดฟูลเฟรมทั้งหมดรวมทั้งกล้องมิเรอร์เลสคาดเติบโตที่ 40% รองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มที่เหนียวแน่นกับการรักการถ่ายภาพ กลุ่มที่เริ่มต้นกิจกรรมการถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก กลุ่มผู้ใช้เดิมและช่างภาพระดับโปร
พร้อมกับย้ำว่าทิศทางของตลาดกล้องดิจิทัลในระดับกลางถึงบนยังไปได้ดี และยอมรับว่าการพัฒนาเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนทางด้านกล้องทำได้ดีกระทบต่อตลาดกล้องดิจิทัลระดับล่างจนถึงกลาง โดยผู้ประกอบการหลายค่ายต้องใช้วิธีการจัดโปรหนักเพื่อความอยู่รอด.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th