“สมคิด” มั่นใจนักลงทุนจีน–ฮ่องกง แห่มาลงทุนในไทยแน่ เหตุไทยเปิดรับการลงทุนเป็นประตูสู่ซีแอลเอ็มวีและอาเซียน ส่วนการเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของฮ่องกงในไทย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ไทยในสายตานักลงทุนทั่วโลก และเสริมสร้างเศรษฐกิจระหว่างกันในอนาคต
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยระหว่างการกล่าวปาฐกถาเนื่องในโอกาสเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง หรือ Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO) และกล่าวต้อนรับนางแครี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่กรุงเทพฯ วานนี้ (28 ก.พ.) ว่า การเปิดสำนักงานในไทย เนื่องจากฮ่องกงมองเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่เชื่อมต่อกับ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และไทยยังเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ดังนั้น การเปิดสำนักงานจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับไทยในด้านการค้าและการลงทุนในสายตาของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น
“ผมได้ดำเนินการเรื่องนี้มาแล้ว 2 ปี เพราะฮ่องกงเป็นหัวจรวดของ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจเชื่อมฮ่องกง มาเก๊า และเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงในมณฑลกวางตุ้งรวม 11 เมือง เชื่อม ฮ่องกงกับเส้นทางสาย–ไหม ยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีน ต้องขอบคุณนางแครี่ หล่ำ ที่เลือกไทยเป็นจุดเริ่มต้น ด้วยการเปิดสำนักงาน ถือเป็นการเปิดประตูจากฮ่องกงและจีนมาที่ไทย เพื่อเชื่อมโยง CLMV และอาเซียน ซึ่งจะมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้า และการลงทุน ที่จะมากขึ้นในอนาคต เพราะนักลงทุนจีนส่วนใหญ่อยู่ในฮ่องกงอยู่แล้ว ต่อไปนี้จะมาไทยแน่นอน”
สำหรับการเลือกตั้งของไทยที่จะมีขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ดี ที่จะทำให้เกิดความแน่นอนทางการเมือง และไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดทุกคนรู้ว่าฮ่องกง จีน และ GBA มีความสำคัญอย่างไร จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายแน่นอน ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการพัฒนาประเทศ ระบบคมนาคม สงครามการค้า รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ ขณะที่อาเซียนผลักดันให้สมาชิกเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวนั้น จะทำให้การเชื่อมโยงจากจีนและฮ่องกง ที่จะมุ่งลงสู่ทางใต้ ด้วยเส้นทางสายไหม เกิดการรวมตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเร็วขึ้น พร้อมกับเชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย และเชื่อมต่อจีนตอนใต้เข้ากับแหลมทอง โดยมีไทยเป็นสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจของอาเซียน
ดังนั้น การเปิดสำนักงานฯจึงมีความเหมาะสม 2 ประการ คือ 1.ด้านสถานการณ์ และ 2.เวลา เพราะสงครามทางการค้าที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนจีนและฮ่องกงมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ ส่วนนักลงทุนสหรัฐฯ เชื้อสายจีน ก็กำลังมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆเช่นกัน ขณะที่ไทยมีเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่พร้อมจะเปิดประตูต้อนรับนักลงทุนอยู่แล้ว ดังนั้น ไทยจึงมีความเหมาะสมในทุกๆประการ
นายสมคิด กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังพัฒนาไปทางบวก การเติบโตไต่ระดับตั้งแต่ปี 47 ในอัตรา 0.9% ขึ้นสู่ 4.3% ในไตรมาส 3 ปี 61 และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวถึง 4.2% ขณะที่ดัชนีเศรษฐกิจต่างๆ เช่น อันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ ที่จัดทำโดยธนาคารโลกอันดับของไทยอยู่ที่ 27 จาก 190 ประเทศ และความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่อันดับ 38 จาก 140 ประเทศ แสดงถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย จึงเชื่อมั่นว่าไทยจะรองรับการลงทุนจากฮ่องกง และนานาประเทศได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม.