นักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นไทย

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เปิดเผยภายหลังการนำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและแสดงความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทย เพราะเป็นประเทศเป้าหมายของการลงทุนจากต่างชาติ มีเสถียรภาพและศักยภาพ เห็นได้จากตัวชี้วัดในการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทย ที่จัดอันดับโดยธนาคารโลก ที่แม้ว่าอันดับของไทยจะตกลง แต่คะแนนรวมเพิ่มขึ้น

ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า JFCCT ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอบคุณ JFCCT ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และส่งเสริมการค้า การลงทุนของต่างชาติในไทย โดย JFCCT มีสมาชิกถึง 9,000 บริษัท และไทยกำลังมุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ถือเป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่จะลงทุนในหลายสาขา นอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณ JFCCT ที่จัดทำรายงานข้อเสนอแนะนโยบายด้านต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การลงทุนของต่างชาติ และการปฏิรูปในสาขาที่จะเอื้อประโยชน์แก่ภาคธุรกิจให้กับรัฐบาล โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุน เพื่อดูแลนักลงทุนแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว และขจัดปัญหาการลงทุนทางด้านกฎหมาย และระเบียบต่างๆ “รัฐบาลได้ออกกฎหมายรองรับนโยบายเศรษฐกิจ ปรับปรุงกฎระเบียบการค้า การลงทุน ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)”

ด้านนายชูวงศ์ ตั้งคุณสมบัติ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวภายหลังการหารือกับนายจัมชิด ซาฟาร็อฟ กงสุลผู้ทำหน้าที่ตัวแทนกงสุลใหญ่ ณ สถานกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทยว่า ปีนี้อุซเบกิสถานมีการกระตุ้นการลงทุน จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุน โดยมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนรูปแบบต่างๆ เช่น ให้เช่าที่ดินในอัตราต่ำ ยกเว้นภาษีขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น “ปีนี้บีโอไอมีแผนจะพานักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อาหารแปรรูป พลังงาน สิ่งทอ โรงแรม ไปศึกษาหาลู่ทางการลงทุนในอุซเบกิสถาน ซึ่งภาคเอกชนจะได้เห็นศักยภาพของอุซเบกิสถานในเชิงลึก สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุนได้”.