ระดมทุนผ่าน "กรีนบอนด์" แก้ปมขยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานสัมมนา “20 ปี ปัญหาขยะประเทศไทยหมดไป ด้วยกลไกตลาดทุน” ที่จัดโดยสมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน และนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 27 ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) มีข้อมูลที่ระบุว่า ขยะเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน จากสถิติพบว่าปริมาณขยะในไทยปีที่ผ่านมา มีมากถึง 27.37 ล้านตัน หรือ 74,998 ตันต่อวัน มีอัตราการเกิดขยะมูลฝอย 1.13 กิโลกรัม (กก.)ต่อคนต่อวัน

ทั้งนี้ การกำจัดขยะแต่ละพื้นที่เป็นความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเน้นการนำขยะมาใช้ประโยชน์ เช่น ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ก๊าซชีวภาพ และใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า แต่อุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การที่ค่ากำจัดขยะที่ประชาชนจ่ายไม่ได้สะท้อนถึงต้นทุนในการกำจัดขยะ ผู้ทิ้งขยะไม่ได้เป็นผู้รับภาระจากขยะที่สร้างขึ้น ทำให้ อปท.ขาดงบในการกำจัดขยะ เกิดขยะตกค้าง และการหาเงินทุนในโครงการกำจัดขยะส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้น ตลาดทุนถือเป็นกลไกสำคัญที่จะสนับสนุนให้มีระบบการกำจัดขยะที่มีประสิทธิภาพ

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การกำจัดขยะจะต้องใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งเอกชนต้องร่วมลงทุนกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นของรัฐ สร้างโรงไฟฟ้าขนาดกำลังผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ (MW) โดยต้นทุนของการกำจัดขยะด้วยโรงไฟฟ้ามีต้นทุน 500 บาทต่อตัน แต่หากทำในรูปแบบอื่นต้องใช้เงิน 1,000 บาทต่อตัน

นายธวัชชัย เกียรติกวานกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ขอเสนอให้ใช้ตลาดทุนจัดการปัญหาขยะ ด้วยการนำบริษัทระดมทุนเข้าตลาดหุ้นหรือออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) เพื่อระดมเงินทุนด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำได้ ขณะที่นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานพร้อมสนับสนุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน โดยได้ปรับแผนรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนรวม 900 เมกะวัตต์.