นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังเร่งดำเนินโครงการที่รับผิดชอบอยู่ 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ หรือโครงการบ้านหลังแรก จำนวน 2,000 ยูนิต 2.โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ จำนวน 2,500 ยูนิต และ 3.โครงการบ้านมั่นคง ซึ่งแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยในเขตชุมชนแออัดและบุกรุกพื้นที่คูคลอง จำนวน 11,000 ยูนิต โดยรวมทั้ง 3 โครงการ คาดว่าในปีนี้จะมีบ้านให้คนไทยอยู่อาศัยประมาณ 15,500 ยูนิต
ทั้งนี้ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.การเช่าระยะยาวดำเนินการที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีผู้มายื่นขอใช้สิทธิมากถึง 2,322 ราย แต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ผ่านการตรวจสอบเพียง 388 รายเท่านั้น เนื่องจากหลักเกณฑ์เดิมกำหนดว่าต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น
ดังนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงได้อนุมัติปรับเงื่อนไขคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการง่ายขึ้น โดยกำหนดคุณสมบัติใหม่ ประกอบด้วย 1.ต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.มีรายได้ต่ำกว่า 35,000 บาทต่อเดือน และหากยังขายไม่หมดถึงจะเปิดให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นอันดับที่ 3 โดยกรมธนารักษ์ได้เปิดให้ประชาชนที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ใหม่ได้แล้ว บนเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิ์ไปแล้ว ก็สามารถดำเนินการจดนิติกรรมกับธนารักษ์ต่อไป.