ลั่นไม่มีพรรคไหน "โง่" ไม่สานต่ออีอีซี "สมคิด" ยกทัพเรียกความเชื่อมั่นญี่ปุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงภาครัฐจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนญี่ปุ่น ที่โอซากาและเกียวโตระหว่างวันที่ 30 ม.ค.-2 ก.พ.62 พร้อมกล่าวปาฐกถาในงาน “Thailand: Advancing ASEAN-Japan Investment Partnership” โดยมีนักธุรกิจและนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ารับฟังร่วม 500 คน ว่า ประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายมิติ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศคือ คนไทยกำลังเตรียมตัวด้วยความยินดีสำหรับพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้สะท้อนความมั่นคงของไทยในการเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไทยกำลังเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 ส่งสัญญาณที่ดีต่อทิศทางการพัฒนาในทุกมิติ โดยเฉพาะความมั่นคงทางการเมือง สะท้อนว่ารัฐบาลได้รักษาคำมั่นและทำตามโรดแม็ปที่วางไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้วางรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจไว้อย่างละเอียด ทั้งในระดับประเทศ เช่น การวางยุทธศาสตร์ระยะยาว การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ได้ออกกฎหมายรับรองไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ทำให้มั่นใจถึงความต่อเนื่องอย่างไร้รอยต่อในรัฐบาลต่อไป และไม่ใช่แค่อีอีซี แต่จะมีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมอีอีซีถึงกรุงเทพฯและลงไปภาคใต้ และจากชุมพรจะมีรถไฟรางคู่เชื่อมระนองในทะเลอันดามัน “จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ผลิตในไทยจะส่งออกได้ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก เป็นการเปิดทะเล 2 ฝั่ง ทั้งอ่าวไทยและอันดามัน ฉะนั้นสถานการณ์นี้ ทั้งนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และอีอีซี เชื่อว่าในการเลือกตั้งไม่มีพรรคไหนโง่ที่จะไม่สานต่อแน่นอน”

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ปีนี้ไทยยังได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมบทบาทของไทยและอาเซียนให้เป็นที่ประจักษ์ชัดในเวทีโลก ขณะที่ไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มซีแอลเอ็มวี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงสุด 6-7% ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกทั้งไทยมีเส้นทางคมนาคมไปประเทศกลุ่มนี้ รวมทั้งเชื่อมไปมาเลเซีย สิงคโปร์ได้อีก จึงขอให้นักลงทุนญี่ปุ่นเลือกไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนเพื่อกระจายสินค้าไปยังประเทศข้างเคียง “จากการเปลี่ยนแปลงของไทยตั้งแต่งานพระราชพิธี การเลือกตั้ง จนถึงการเป็นประธานอาเซียน ล้วนเป็นปัจจัยสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ ซึ่งประเทศไทยถ้าไม่มีนักลงทุนญี่ปุ่นก็ไม่สามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้ หากปฏิรูปรอบนี้สำเร็จไทยก็จะเป็นฐานการลงทุนที่มั่นคงของญี่ปุ่นที่ต่อสู้กับโลกที่มีความไม่แน่นอนได้”.