ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ก.ค.เข้าสู่ภาวะแผ่ว แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปียังเป็นขาขึ้น คาดครึ่งปีหลังตัวเลขจีดีพีอาจจะไม่สวยเท่าครึ่งปีแรก เหตุฐานปีที่แล้วสูง จับตาส่งออกได้รับผลกระทบกีดกันการค้า ชะลอการนำเข้าสินค้าทุน กระทบลงทุนเอกชน และการท่องเที่ยวชะลอตัวลงหลังเหตุเรือล่มภูเก็ต
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.ซึ่งเป็นเดือนแรกของครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจในเดือน ก.ค. ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เศรษฐกิจในเดือน ก.ค.ชะลอลงจากเดือน มิ.ย. โดยเครื่องชี้สำคัญที่ชะลอตัวลงคือ การส่งออก การลงทุนภาคเอกชน และการท่องเที่ยว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค. การส่งออกของไทยขยายตัว 8.3% จากระยะเดียวกันปีก่อน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 1.8% โดยเป็นการลดลงจากการส่งออกไปสหรัฐฯที่ลดลงมาก ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนในเดือน ก.ค.ขยายตัว 2.7% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 5.4% ส่วนการท่องเที่ยวในเดือน ก.ค.ขยายตัว 2.8% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 8% โดยเป็นการลดลงส่วนใหญ่จากนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น โดยขยายตัวในเดือน ก.ค. 4.7% สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.4% เช่นเดียวกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวในเดือนนี้ 4.6% ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.5% ส่วนการนำเข้ายังขยายตัวได้ดีเช่นกัน โดยขยายตัว 12.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 2%
“สิ่งที่ยังต้องติดตามคือ ภาคการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งหากถามผลกระทบจากสงครามการค้าต่อการส่งออกไทยในขณะนี้ มองว่าผลกระทบจะเห็นในช่วงปลายปี โดยขณะนี้ยอมรับว่า ในส่วนของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ คือ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า ในขณะนี้การส่งออกของไทยชะลอลง และหากไม่มีกรณีนี้ ส่งออกปีนี้น่าจะได้สูงกว่าที่เราประมาณการไว้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน จะต้องรอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐช่วงปลายปีนี้ ซึ่งหากออกมาได้ตามแผน เม็ดเงินก็จะส่งต่อไปยังการลงทุนภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนั้น ยังต้องจับตาการนำเข้าสินค้าทุน ซึ่งติดลบในเดือน ก.ค.นี้ด้วย ขณะที่การท่องเที่ยว จะต้องติดตามผลกระทบจากเรือล่มที่ภูเก็ต ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจีนต่อไป”
นายดอน กล่าวต่อว่า ในเดือน ก.ย.นี้ หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท.จะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ โดยภาพรวมนั้น ทิศทางของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้เป็นขาขึ้น แต่ในครึ่งปีหลังตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อาจจะต่ำกว่าในครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานที่สูงในปีที่แล้ว และความผันผวนของเศรษฐกิจจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ และจะเห็นได้ว่าตัวเลขของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งปีไว้ที่ 4.5% ในครึ่งแรกโตแล้ว 4.8% ดังนั้น หากว่าในครึ่งหลังโตได้ 4.2% ก็ถือว่าเป็นไปตามประมาณการ
ส่วนกรณีที่มองว่า ในภาพรวมคนยังไม่มองว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นนั้น นายดอนกล่าวว่า หากพิจารณาจากการบริโภคแล้ว พบว่าคนที่ใช้จ่ายในขณะนี้เป็นคนกลุ่มกลาง-สูง มากกว่าคนกลุ่มรากหญ้า และจากการสำรวจพบว่า 48 จังหวัดของประเทศไทย เศรษฐกิจพึ่งพารายได้ของภาคการเกษตรเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อรายได้ของเกษตรไทยเพิ่งจะขยายตัวได้จริง 5 เดือนที่ผ่านมา แต่ติดลบเป็นเวลาหลายปี ในภาพรวมคนจึงยังมองว่า การใช้จ่ายและการค้าขายไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าในอนาคตการใช้จ่ายภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง
ด้านนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 2561 มีมูลค่า 647,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นมูลค่าการส่งออก 379,576 ล้านบาท ลดลง 0.44% นำเข้า 267,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% ซึ่งไทยได้ดุลการค้า 112,055 ล้านบาท สำหรับสาเหตุที่ทำให้ส่งออกของไทยไปชายแดนลดลง มาจากสถานการณ์น้ำท่วมในลาว จนสินค้าไทยส่งไปยังเมืองสำคัญได้ลำบาก รวมถึงค่าเงินจ๊าดของเมียนมาอ่อนค่าลง ทำให้ผู้นำเข้าต้องชะลอการสั่งสินค้าจากไทย.