ผมเห็นด้วยกับบทวิเคราะห์ของคอลัมน์ “จากใจไทยรัฐสู่ท่านผู้อ่าน” ที่ลงตีพิมพ์ในหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา
ที่กล่าวไว้โดยสรุปว่าปี 2560 เกือบทั้งปีเป็นห้วงเวลาแห่งการปรับตัวและปรับใจของคนไทยทั้งชาติ ภายหลังการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559
1 ปีเต็มๆหลังจากในหลวงรัชกาลที่ 9 อันเป็นที่รักและเคารพเหนือเกล้าฯเหนือชีวิต เสด็จสวรรคต คนไทยได้ใช้เวลาทบทวนอย่างจริงจังถึงพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ที่ทรงแนะนำสั่งสอน ตลอดจนพระ ราชกรณียกิจนานาประการจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ก่อนที่จะหล่อหลอมหัวใจให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมกับปฏิญาณตนที่จะเป็นคนดี ทำความดี อุทิศตนแก่สังคมและประเทศชาติ และรู้รักสามัคคี เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
จนเป็นที่มั่นใจได้ว่า บัดนี้คนไทยพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อไป โดยมีในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นหลักชัย และในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรง ประทับอยู่เหนือฟากฟ้าพร้อมที่จะปกปักรักษาพสกนิกรของพระองค์ท่าน
อันจะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ปี 2561 ด้วยความคาดหวังในทางที่ดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง
ในทางการเมืองผมไม่ค่อยสันทัด ทั้งๆที่เคยสันทัดและชอบมากตอนเขียนหนังสือใหม่ๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มเบื่อและปลง
เพราะไม่รู้อะไรกันหนักหนา เดี๋ยวประชาธิปไตย เดี๋ยวเผด็จการ สลับกันไปสลับกันมาอยู่นั่นแหละ แบบเดียวกับเพลง “จุดเทียนเวียนวน” วนไปวนมา ไม่จบเพลงกันเสียทีอย่างที่เขียนไว้เมื่อวาน
ผมก็เลยไม่ค่อยได้ตามข่าวการเมือง ทำให้ความสันทัดลดลง
ด้านสังคม แม้ผมจะติดตามอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเรื่องยากและมีแง่มุมที่กว้างขวาง ทำให้ขาดความมั่นใจ นานๆขอเขียนถึงสักทีนึง
แต่เรื่องเศรษฐกิจผมยังพอตามอยู่บ้าง และยังชอบที่จะฟังข่าว ดูข่าว หรืออ่านข่าว ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา
ก็ดีใจครับที่บรรดาโหรเศรษฐกิจทั้งหลายต่างทำนายทายทักในทำนองเห็นพ้องต้องกันว่า ปี 2561 หรือปีจอ จะเป็นปีที่เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นพระเอก
เริ่มตั้งแต่เศรษฐกิจโลกที่คาดหมายว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาและจีน...ในขณะที่ยุโรปเองอาจจะไม่ดีอย่างหวือหวามากนัก แต่ก็เชื่อกันว่าจะเติบโตขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ทำให้เศรษฐกิจไทยของเราจะพลอยดีขึ้นไปด้วยเป็นเงาตามตัว อันเนื่องมาจากรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวจะกระฉูดต่อจากปลายปี 2560 อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
เท่าที่ได้ยินโหรเศรษฐกิจทุกสำนักพูดจาแถลงข่าว ดูเหมือนว่าอัตราความเจริญเติบโตในปี 2561 นี้ จะเกิน 4 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
จะ 4 มากๆ หรือ 4 น้อยๆเท่านั้นเอง
ผมเห็นด้วยครับ และเชื่อว่าปี 2561 จะเป็นปีแห่งความหวัง โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ น่าจะเป็นไปอย่างที่ทุกๆฝ่ายคาดหมายไว้
แต่ก็นั่นแหละ ประเด็นปัญหาเก่าๆยังคงมีอยู่ และรอการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาล ซึ่งก็เป็นปัญหาที่เราพูดกันมาหลายครั้ง จนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเราจะพูดกัน “ซํ้าซาก” เกินไปหรือเปล่า?
ปัญหา “รวยกระจุก จนกระจาย” คนรวยยังคงรวยขึ้น ในขณะที่คนจนอาจไม่จนในเชิงตัวเลข ที่เขาเรียกว่า “เส้นวัดความยากจน”
แต่ก็จนในเชิงเปรียบเทียบเพราะช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศไทยดูจะห่างกันขึ้นทุกวัน
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็อาจพูดได้ว่าที่รวยก็รวยกันจนถึงขั้นใส่นาฬิกาเรือนละเป็นล้านๆหรือหลายล้าน ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังต้องใส่นาฬิการาคาถูกๆเรือนละไม่กี่ร้อยกี่พันบาท
รวมไปถึงผู้คนอีกจำนวนมากที่ไม่มีนาฬิกาสวมใส่ต้องอาศัยดูเวลาจากนาฬิกาเรือนยักษ์ตามหอนาฬิกาสาธารณะและ ฯลฯ
การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หรือทำอย่างไรจะลดความเหลื่อมล้ำ ลงบ้าง จึงยังจะเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลในปี 2561 ต่อไป
ก็คงต้องฝากให้รัฐบาลท่านดูแลเรื่องนี้อีกครั้ง และแม้จะเป็นการฝากที่ซํ้าซาก เพราะฝากบ่อยเหลือเกิน ก็คงต้องกลั้นใจฝากละครับ เพื่อไม่ให้ปัญหาหนักหน่วงไปกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
โชคดีปีใหม่นะครับบิ๊กตู่ ผมยินดีจะเป็น “กองหนุน” ให้อย่างเต็มที่เลยซีน่ะ หากแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำได้อย่างเห็นผลละก็.
“ซูม”