ถามใจรัฐ “ลืมหาดใหญ่แล้วหรือยัง” นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่ชี้การฟื้นฟูเชิงโครงสร้างยังอืด

นายสิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่–สงขลา เปิดเผยว่า ขอออกมาตั้งคำถามต่อรัฐบาลว่า “ลืมหาดใหญ่แล้วหรือยัง” หลังวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ช่วงปลายปีสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจเมืองและภาคธุรกิจท่องเที่ยว แต่ปัญหาของพื้นที่กลับถูกกลบด้วยกระแสข่าวการเมืองระดับประเทศ ทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา และประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ จนการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมแทบไม่ปรากฏอยู่ในความสนใจของสังคม

“หากไม่มีประเด็นการเมืองและสถานการณ์กัมพูชามาเบี่ยงเบนความสนใจ รัฐบาลอาจต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการบริหารจัดการน้ำท่วมที่ล่าช้า เมื่อกระแสข่าวเปลี่ยนทิศ ความเดือดร้อนของหาดใหญ่กลับเงียบหาย ทั้งที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และภาคท่องเที่ยวยังต้องแบกรับต้นทุน ความเสี่ยง และภาระหนี้สินด้วยตัวเอง”

ทั้งนี้ เมืองหาดใหญ่มีโรงแรมประมาณ 300 แห่ง รวมกว่า 30,000 ห้อง ปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการได้จริงเพียง 50% หรือราว 15,000 ห้อง แต่โรงแรมขนาดใหญ่ในย่านใจกลางเมืองที่ได้รับความเสียหายหนักจากระบบไฟฟ้าและลิฟต์ซึ่งจมน้ำในชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ทันช่วงไฮซีซัน ส่งผลให้รายได้หายไปจำนวนมาก และเริ่มเห็นสัญญาณทุนในพื้นที่ไหลออก จากผู้ประกอบการที่ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงต่อไปได้ ขณะที่นักลงทุนรายใหม่ยังชะลอการตัดสินใจ เนื่องจากขาดความชัดเจนของแผนป้องกันน้ำท่วมระยะยาวจากภาครัฐ

นายสิทธิพงษ์ ประเมินว่า เฉพาะค่าซ่อมแซมในภาคโรงแรมสูงถึง 3,000 ล้านบาท และการสูญเสียโอกาสรายได้ในช่วงเดือนพ.ย.–ธ.ค. ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวหลัก ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดหลัก เริ่มเดินทางกลับเข้ามา 50–60% ของปกติ แต่ส่วนใหญ่เลือกพักในจังหวัดอื่น เช่น พัทลุง กระบี่ หรือภูเก็ต เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งในหาดใหญ่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

“มาตรการเยียวยาจากภาครัฐ ที่มีเงินช่วยเหลือ 9,000 บาท เงินกู้ฟื้นฟูที่อยู่อาศัย 100,000 บาท และเงินกู้ฟื้นฟูอาชีพ 100,000 บาท ช่วยพ่อค้าแม่ค้ารถเข็นได้ แต่ยังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของธุรกิจที่มีความเสียหายระดับหลักล้าน เงินกู้ธุรกิจเอสเอ็มอีก็ไม่เห็นมีตามที่รัฐบาลเคยบอกไว้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการเร่งด่วนคือ การพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย การจัดซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำในอัตรา 1.5% รวมถึงการผ่อนปรนหรือยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในช่วงที่รายได้หายไปเกือบทั้งหมด”

นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่–สงขลา กล่าวด้วยว่า ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ภาคเอกชนในพื้นที่ยังเห็นการทำงานที่ต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งลงมาประสานงานและสนับสนุนกิจกรรมในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่การฟื้นฟูในมิติอื่น ทั้งการจัดการขยะ ระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ยังดำเนินไปอย่างล่าช้า จนผู้ประกอบการจำนวนมากรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านเหตุการณ์รุนแรง และยังมีความกังวลทุกครั้งที่เกิดฝนตกหนัก

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ททท. ได้เร่งดำเนินแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคใต้ผ่านโครงการ “Smile@South – คืนรอยยิ้มให้ชาวใต้” ครอบคลุม 9 จังหวัด โดยมีโครงการ “Hat Yai Rise Up” เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้เมืองหาดใหญ่กลับมาทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภาคใต้อีกครั้ง ททท.ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นการเดินทางอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ “Happy Bus” รถบัสฟรีรอบเมืองหาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.68-28 ก.พ.69 การจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการแสดงโดรนแทนการจุดพลุ รวมถึงเตรียมจัดเทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่อย่างยิ่งใหญ่ในต้นปี 2569 เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ททท.เดินหน้าทำตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียอย่างเข้มข้น ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 15,000 คนต่อวัน ตลอดปีนี้คงได้ 4.5 ล้านคน และตั้งเป้าปี 2569 ดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มเป็น 5.5 ล้านคน ผ่านการเจาะกลุ่มคาราวานรถยนต์ กลุ่มไบเกอร์ และการใช้ KOL หรือ Influencer ลงพื้นที่ เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว และการกลับมาของกิจกรรมเศรษฐกิจในเมืองหาดใหญ่