กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% พยุงเศรษฐกิจ ห่วงเงินบาทแข็งค่าเกินจริง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% พยุงเศรษฐกิจ ห่วงเงินบาทแข็งค่าเกินจริง

Date Time: 18 ธ.ค. 2568 06:45 น.

Summary

กนง.ลดดอกเบี้ยส่งท้ายปี 0.25% ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยที่จ่อดิ่งลงต่อเนื่อง อุทกภัยภาคใต้กระทบจีดีพี  0.1-0.2% พร้อมใช้นโยบายการเงินดูแลเศรษฐกิจต่อเนื่อง หาแนวทางแก้ค่าบาทแข็งเกินปัจจัยพื้นฐาน 



Latest

จีดีพีเกษตรไทยปี 68 โต 3.3% รับฝนดี–น้ำเพียงพอ-เกษตรกรพร้อมปรับตัว

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวแถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 17 ธ.ค.2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 โดย กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปี จาก 1.50 % เป็น 1.25 % ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปี 2569 และปี 2570 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง 


พร้อมปรับการประมาณการเศรษฐกิจในปี 2568 มาอยู่ที่ขยายตัว 2.2% และปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2569 ขยายตัว 1.5% ขณะที่ประเมินปี 2570 ขยายตัวที่ 2.3%และได้มีการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ คาดว่าจะกระทบผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีีพี) ในปี 2568-2569 รวมกันราว 0.1-0.2% และต้องใช้เวลาฟื้นฟูไปถึงอย่างน้อยไตรมาสที่ 1 ของปีหน้ากระทบจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 200,000 คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซีย


“กนง.เห็นว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมภายใต้เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนและมีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยเสริมประสิทธิผลของมาตรการทางการเงินและนโยบายอื่นของภาครัฐ ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และข้อจำกัดของนโยบายการคลัง นโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ เพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ควรคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพในระยะยาวและ policy space ที่มีจำกัด”


นายสักกะภพ  กล่าวว่า กนง.ได้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2568 อยู่ที่-1% ก่อนที่จะขยับขึ้นในปี 2569 ที่ 0.3% และ ปี 2570 จะกลับเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อที่ 1.0 % โดยคาดว่าจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งแรกของปี ความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอยู่ในระดับต่ำสะท้อนจากราคาสินค้าและบริการที่ไม่ได้ปรับลดลงเป็นวงกว้าง โดย กนง.เห็นควรให้ติดตามความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอย่างใกล้ชิด  


นอกจากนั้น  สินเชื่อยังหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนการชะลอการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนภายใต้ความไม่แน่นอนสูง สถาบันการเงินยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงโดยเฉพาะเอสเอ็มอี และครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ กนง.จึงเห็นควรให้ติดตามการขยายตัวของสินเชื่อและสนับสนุนให้มีมาตรการทางการเงินเฉพาะจุดเพื่อดูแลกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม

 


“อีกประเด็นหนึ่งที่ กนง.ได้แสดงความกังวลคือ การแข็งค่าของค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าอยู่ในกลุ่มนำสกุลภูมิภาคและอาจจะแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน กนง. เห็นควรให้ยกระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาแนวทางดำเนินการกับธุรกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ เช่นการซื้อขายทองคำ และตรวจเข้มเงินที่ไม่พึงประสงค์เข้าประเทศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ