
นายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้ปรับลดการประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงจาก 2.1% เหลือ 2% แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือในปี 2569 เพราะปีหน้าถือเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤติ แต่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตต่ำเพียง 1.5% ซึ่งหากไม่รวมปีที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปีนี้จะเป็นปีแรกในรอบ 3 ทศวรรษหรือ 30 ปีที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 2% ซึ่งไม่อยากให้การโตต่ำระดับนี้กลายเป็น New Normal ของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ การชะลอลงของเศรษฐกิจไทยมีแรงกดดันหลักมาจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าผลกระทบของภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯที่ชัดเจน และการแข่งขันรุนแรงจากต่างประเทศโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าจีนมาไทยที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% และจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเปราะบางในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อและการลงทุนในประเทศ จำนวนท่องเที่ยวต่างประเทศที่แม้้ว่่จะดีขึ้นกว่าปีนี้ แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดมาก รวมทั้ง ข้อจำกัดการคลังที่มีสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง ไทยจึงต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างเครื่องยนต์ใหม่ โดยSCB EIC ประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.0% ภายในครึ่งแรกของปี 2569 เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจผ่านการลดต้นทุนทางการเงินและลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาท
“การยุบสภาเร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์เดิมจะทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนปี 2569 ต่ำกว่าปกติ แต่อาจช่วยให้การประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2570 ล่าช้าน้อยลง หากเป็นไปตามสมมติฐานที่่ว่า เราจะสามารถได้รัฐบาลใหม่ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ปีหน้า จะทำให้ งบประมาณฯ ปี 2570 ล่าช้าเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนข้างหน้ายังสูง หากมีการเลื่อนการเลือกตั้ง หรือ การจัดตั้งรัฐบาล่าช้าออกไป อาจจะทำให้ งบประมาณฯ ปี 2570 ล่าช้ามากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะกรีะทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐในระยะกลางจะมีข้อจำกัดมากขึ้นอยู่แล้ว จากแรงกดดันปฏิรูปการคลังเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณและควบคุมหนี้สาธารณะไม่ให้สูงเกิน 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งจะเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลใหม่ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันเครดิตเรตติงและเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว”
นายยรรยง กล่าวต่อว่า SCB EIC ยังมองว่า สถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา และความไม่แน่นอนทางการเมืองจะจบลงได้เร็ว เพื่อให้การลงทุนจากต่างประเทศทที่เตรียมจะเข้ามาในประเทศไทยเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า หากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปจะส่งผลให้เม็ดเงินสนับสนุนเศรษฐกิจภาครัฐไม่ต่อเนื่อง การเจรจากับสหรัฐฯ ล่าช้า หรือเสียเปรียบมากขึ้น ลดความเชื่อมั่นการลงทุนและบริโภค และยังเสี่ยงที่จะถูกปรับลดเครดิต เรตติ้งของประเทศอีกด้วย