
นายกฯ เผยโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ต้องหยุดชะงักหลังยุบสภาฯ ไม่สามารถใช้งบกลางได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตอนนี้โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ไม่สามารถนำงบกลางมาดำเนินโครงการต่อได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว “เราทำตามกติกา เมื่อตอนนี้ยุบสภาฯไปแล้ว เราไม่สามารถนำงบกลางฯมาใช้ในโครงการแบบนี้ ต้องรอให้สภาพรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลปกติก่อน”
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณรกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ ครม.ทราบผลของการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้เน้นย้ำเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ และงบประมาณของ ครม.หลังยุบสภาฯ ว่าต้องไม่ผูกพันไปยังรัฐบาลต่อไป และรัฐบาลได้มีการหารือกันภายในแล้วว่า ภายหลังมีการยุบสภาฯแล้วรัฐบาลจะไม่ทำโครงการที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 วางกรอบว่าหลังยุบสภาห้าม ครม.ดำเนินการ 5 ข้อสำคัญ เพื่อป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และการสร้างภาระให้รัฐบาลหน้า
ประกอบด้วย 1.ห้ามอนุมัติโครงการที่ผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 2.ห้ามเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ๆ หรือก่อหนี้ระยะยาว 3.ห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 4.ห้ามใช้งบกลางสำรองจ่ายฉุกเฉิน เว้นแต่จำเป็นเร่งด่วน และต้องขออนุมัติ กกต. ก่อน และ 5.ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อหาเสียง โดยห้ามใช้กลไกราชการมาช่วยในการเลือกตั้ง
ดังนั้น แม้ว่าบางโครงการอาจสามารถเดินหน้าได้ หากส่งไปขอความเห็นจาก กกต.แต่รัฐบาลคาด์ว่าแม้ กกต.จะเห็นชอบให้เดินหน้าก็ยังจะมีความสุ่มเสี่ยงี่จะถูกร้องเรียน โดยกระทรวงการคลังได้ทำรายชื่อโครงการที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงมาเสนอได้แก่ คนละครึ่งพลัสเฟส 2 การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ และโครงการบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น (TISA) ซึ่งทุกโครงเข้าข่ายมีผลผูกพันกับรัฐบาลต่อไป
ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าโครงการ คนละครึ่ง พลัส เฟส 2 กับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายเอกนิติ ได้แสดงสีหน้าผิดหวัง พร้อมส่ายหน้าโดยไม่ได้กล่าวคำตอบใดๆ