
กฟผ. เตรียมลงทุน 22,000 ล้านบาทในปี 2569 เน้นระบบส่งไฟฟ้าและโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ
นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงาน และแนวทางการบริหารงาน หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 ว่า ปี 2569 มีแผนลงทุน 22,000 ล้านบาท อาทิ โครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า 13,000 ล้านบาท งานปรับปรุงและบำรุงรักษาเสถียรภาพโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 9,200 ล้านบาท และจะเร่งผลักดันโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ. กาญจนบุรี รวมกำลังการผลิต 1,638 เมกะวัตต์ ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ด้วยพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว และการเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้า 1 หน่วย ในอัตราขั้นต่ำ 20% ภายในปี 2571
นอกจากนี้ ยังจะเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงระบบเชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน ของไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม รวม 6 โรงไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายการนำไฮโดรเจนมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าร่วมกับก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 5% ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าจะนะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรายงานผลการศึกษา ข้อจำกัดของโรงไฟฟ้าต่อคณะกรรมการ กฟผ. การศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และแอมโมเนียบนพื้นที่ศักยภาพ
ขณะเดียวกัน จะผลักดันโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ (SMR) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด เพราะมีต้นทุนที่แข่งขันได้สอดรับกับความต้องการของนักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มีเป้าหมาย Net Zero เร็วขึ้นเป็นปี 2593
พร้อมกันนี้ ยังเร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย 3 แห่ง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นระบบไฟฟ้า รองรับความผันผวนจากการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ ได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนกะทูน เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานให้สามารถจ่ายไฟเข้าระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว