
นายวชิร คูณทวีเทพ รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนพ.ย.68 ว่า ความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 44.0 ลดจาก 49.0 ในเดือนต.ค.68 เป็นการลดลงครั้งแรก จากปัจจัยน้ำท่วม ทั้งที่ภาคใต้ และภาคอื่นๆ เป็นหลัก ซึ่งกระทบต่อภาคเกษตรและภาคบริการ การขนส่ง อีกทั้งยังมีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ยังคงเฝ้าระวัง เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง ส่งผลกระทบต่อยอดขาย และสงครามการค้า แม้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ก็ยังไม่ทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้น
“ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐ เร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูจากน้ำท่วม มีแนวทางป้องกันน้ำท่วม แก้ปัญหาชายแดน การสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน รักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้แข่งขันได้”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ลดลงครั้งแรก เป็นผลจากน้ำท่วมภาคใต้เป็นสำคัญ รวมทั้งปัญหาไทย-กัมพูชา หากไม่มีปัญหาน้ำท่วมใต้ ความเชื่อมั่นน่าจะยังคงขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.68 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ระดับ 53.2 และดีขึ้นทุกรายการ
“สัญญาณความเชื่อมั่น และปัจจัยที่กระทบนั้น มีทั้งบวกและลบ แม้การส่งออกขยายตัวดี แต่ต้องติดตามในปีหน้า เพราะผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯเริ่มเห็นชัดในหลายประเทศส่งออก เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ขณะที่ คนละครึ่งพลัส ซึ่งใช้งบประมาณ 66,000 ล้านบาท มีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ 40,000 ล้านบาท แต่น้ำท่วมภาคใต้มาฉุด ทำให้เม็ดเงินหายไป 20,000 ล้านบาท จึงมีผลให้คนละครึ่งพลัส ทำงานไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ดี เพื่อให้ความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ การเยียวยา ฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ จึงมีความจำเป็น”
ส่วนกระแสการยุบสภานั้น ไม่ว่าจะภายในเดือนธ.ค.นี้ หรือเดือนม.ค.69 ตามกรอบเดิม ล้วนแต่มีผลต่อภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ การใช้งบประมาณ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากยังเป็นกรอบเดิม ยังทำให้มีรัฐบาลอำนาจเต็มที่จะเดินหน้าแผนต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่อาจจะมีผลต่อการได้รัฐบาลชุดใหม่ และการใช้งบประมาณ ที่อาจล่าช้าไป 3 เดือน แต่หากยุบเร็ว อาจจะมีเม็ดเงินจากการเลือกตั้งเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ แต่มาตรการต่างๆ การเยียวยา หากยังไม่ชัดเจนก็กระทบได้