เงินเฟ้อไทยจ่อติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี ด้านกกร.คาดการณ์ จีดีพี ปีหน้าเติบโตต่ำ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เงินเฟ้อไทยจ่อติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี ด้านกกร.คาดการณ์ จีดีพี ปีหน้าเติบโตต่ำ

Date Time: 4 ธ.ค. 2568 06:50 น.

Summary

กกร.หั่นจีดีพีปี 2569 โตเพียง 1.6–2% หลังน้ำท่วมใต้เสียหายกว่าหนึ่งแสนล้าน ส่งออกเสี่ยงติดลบจากภาษีสหรัฐ ขณะเงินเฟ้อปี 2568 อาจติดลบเพราะราคาพลังงานร่วง


Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้ประเมินผลกระทบน้ำท่วมเดือน ธ.ค. 2568 จะสร้างความเสียหายต่อภาวะเศรษฐกิจลงราว 20,000–30,000 ล้านบาท จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ตลอดทั้งปี 2568 ขยายตัวได้เพียง 2%


ในขณะที่ปี 2569 คาดการณ์ผลกระทบทางรายได้อาจสูงถึง 90,000 ล้านบาท ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจถูกจำกัดเพิ่มเติม ประกอบกับปัจจัยลบภายนอก โดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐ และการแข่งขันจากสินค้านำเข้า ส่งผลให้คาดการณ์ส่งออกปีหน้าอยู่ในช่วงติดลบ 1.5% ถึงติดลบ 0.5% ประเมินแนวโน้มอัตราการเติบโตจีดีพีปีหน้าจะขยายตัวที่ 1.6–2%


“เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือรัฐ–เอกชนฟื้นพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมเดินหน้า Reinvent Thailand ยกระดับศักยภาพธุรกิจ หนุนใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและสินค้า Made in Thailand และเสนอให้การบริหารจัดการภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อป้องกันความเสียหายในอนาคต” นายเกรียงไกรกล่าว


ด้านนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ประเมินว่า เงินเฟ้อทั่วไปของไทยปี 68 อาจติดลบ 0.15% ถึงติดลบ 0.20% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับจากปี 64 ที่ขยายตัวเป็นบวกมาจนถึงปี 67 โดยปี 64 เพิ่ม 1.23%, ปี 65 เพิ่ม 6.08%, ปี 66 เพิ่ม 1.23% และปี 67 เพิ่ม 0.4% ทั้งนี้เป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลงตามราคาในตลาดโลก และมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ เป็นสำคัญ


ดังนั้น จึงส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เดือน พ.ย.68 เท่ากับ 100.15 เทียบเดือน พ.ย.67 ลดลง 0.49% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นับจากเดือน เม.ย.68 ที่ลดลง 0.22%, เดือนพ.ค. ลดลง 0.57%, เดือนมิ.ย. ลดลง 0.25%, เดือนก.ค. ลดลง 0.70%, เดือนส.ค. ลดลง 0.79%, เดือนก.ย. ลดลง 0.72% และเดือนต.ค.ลดลง 0.76% ขณะที่ช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 68 ลดลง 0.12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งคาดว่า เดือนธ.ค.จะติดลบต่ออีก ที่ลบ 0.48% ถึงลบ 1.08% และน้ำท่วมภาคใต้ จะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.01–0.05%


“การที่เงินเฟ้อทั่วไปปีนี้อาจติดลบ เป็นผลจากปัจจัยกดดันจากภายนอก คือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่อง และมาตรการลดค่าครองชีพ ที่ลดค่าไฟฟ้า ตรึงราคาแอลพีจี ไม่ได้เป็นผลจากกำลังซื้อที่ลดลง เพราะเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานออก ยังขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง เดือนพ.ย.68 สูงขึ้น 0.66% เพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.68 ที่สูงขึ้น 0.61% และรวม 11 เดือน สูงขึ้น 0.86% โดยเงินเฟ้อไทยเคยติดลบมากสุด 12 เดือนติดในปี 58 ซึ่งเป็นช่วงราคาน้ำมันโลกลดลง ทำให้ทั้งปีนั้น ติดลบมากถึง 0.90% และอีกครั้งในปี 63 ช่วงโควิด ที่ติดลบ 10 เดือนติด ทำให้ทั้งปี ติดลบ 0.85%”


นายนันทพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปี 69 สนค.ประเมินว่า เงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.0–1.0% ค่ากลางอยู่ที่ 0.5% โดยมีสมมติฐานจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1.2–2.2% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 60–70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32–33 บาทต่อเหรียญฯ


“ปี 69 มีปัจจัยที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มสูงขึ้น จากนโยบายรักษาเสถียรภาพราคา, สินค้าบางรายการปลูกน้อยลง ทำให้เข้าสู่ตลาดลดลง ราคาขยับขึ้น, ภาคท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 34.9 ล้านคน รายได้รวม 2.79 ล้านล้านบาท ทำให้สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องอาจปรับขึ้น”


แต่ยังมีปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อต่ำ คือ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 68 ภาครัฐมีมาตรการลดค่าครองชีพต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าโดยสารสาธารณะ ก๊าซหุงต้ม เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1.7% ต่ำกว่าปี 68 ที่คาด 2% เป็นการขยายตัวต่ำกว่า 3% เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน และการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ประกอบกับ ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนถูกลง โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ