คุมขาดดุล ตรึงหนี้ ไม่ขอเพิ่ม! นายกฯวางโจทย์งบปี 70 ย้ำทุกบาทต้องคุ้มค่า

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คุมขาดดุล ตรึงหนี้ ไม่ขอเพิ่ม! นายกฯวางโจทย์งบปี 70 ย้ำทุกบาทต้องคุ้มค่า

Date Time: 2 ธ.ค. 2568 06:00 น.

Summary

นายกฯ วางโจทย์งบปี 2570 คุมขาดดุล ตรึงหนี้ เพิ่มประสิทธิภาพใช้จ่ายภาครัฐ ย้ำเงินทุกบาทต้องคุ้มค่าและตรวจสอบได้ ขณะที่ รมว.คลัง-ผู้ว่าฯ ธปท. ยัน นโยบายการเงิน-การคลังเป็นหนึ่งเดียว ประสานงานฟื้นเศรษฐกิจ

Latest

ผู้ว่า กฟผ.คนใหม่เปิดวิชั่นปี69 ประกาศลั่น! ลุยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 โดยกำหนดให้งบประมาณเป็นเครื่องมือหลักรับมือความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่รักษาวินัยการเงินการคลังเคร่งครัด “งบปี 2570 ต้องตอบโจทย์ให้ครบ สร้างสมดุลเศรษฐกิจ สังคม และวินัยการคลัง กำหนดทิศทางการคลังภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง ปี 2570–2573 แม้งบปีแรกยังขาดดุล แต่มีเป้าหมายลดขาดดุลต่อเนื่อง เพื่อไม่เป็นภาระในอนาคต และรักษาหนี้สาธารณะให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม”

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง เป้าหมายลดขาดดุลงบไม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายในปีงบประมาณ 2572 และคงหนี้สาธารณะไม่เกิน 70% ของจีดีพีภายใต้วงเงินงบปี 2570 ราว 3.78 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย ขณะที่รายจ่ายประจำ 70–80% ของรายจ่ายรวม ทำให้พื้นที่รายจ่ายลงทุนจำกัด จึงกำชับหน่วยราชการของบเท่าที่จำเป็น และหากเพิ่ม ควรเป็นรายจ่ายลงทุนที่สร้างสินทรัพย์ถาวร หรือโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่ใช้แล้วหมดไป 

“ขอย้ำแนวคิด value for money ว่า การใช้จ่ายงบทุกบาทต้องคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ใช้แล้วต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม วัดผลได้ ตรวจสอบได้ ก่อผลสูงสุดต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน”

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวในงานสัมมนาประจำปี สมาคมเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ หัวข้อ “เศรษฐกิจปีม้าไฟ จะปังหรือต้องระวัง” และตอบคำถามหัวข้อ “คู่หูเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน” Fiscal – Monetary Synergy in Sight ร่วมกับนายวิทัย รัตนาการ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า รัฐบาลทำงานร่วมกับธปท.และภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดัน 5 เสาหลักและ 1 พื้นฐาน ตามแนวทาง Quick Big Win เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นโดยเร็ว เป็นการฟื้นที่กระจายตัว ทำสั้น และได้ผลยาว

โดย 5 เสาหลักที่ทำแล้ว คือ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส ที่พบว่า มีเงินใช้จ่ายในกรุงเทพฯเพียง 17% นอกนั้นลงสู่ต่างจังหวัด ถือเป็นความสำเร็จที่ทำให้เงินกระจายตัวไปทุกพื้นที่ อีกทั้งยังมีโครงการ upskill-reskill ที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าถึงการนำ AI มาใช้ปรับปรุงการผลิต ยกระดับสู่การค้าออนไลน์

เสาที่ 2 คือ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่ง ธปท. ช่วยได้มาก เช่นเดียวกับ เสาที่ 3 ที่กระทรวงการคลัง, ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันออกแพ็กเกจมาตรการใหญ่ที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมา คาดจะทำทันทีหลังผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ส่วนเสาที่ 4 สร้างการออมส่วนบุคคล และเสาที่ 5 ลงทุนเพื่ออนาคต ปลดล็อกให้ประเทศมีเครื่องยนต์ใหม่จากอุตสาหกรรมยุคใหม่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ 1 พื้นฐาน คือ สร้างวินัยการคลังระดับปานกลาง ที่ทำให้ประเทศไม่ถูกลดอันดับความเชื่อถือทางเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมา

“ความร่วมมือนโยบายการคลังและการเงินนั้น เราคุยกันทุกวัน โทรคุยกันวันละหลายเวลา ในส่วนของการใช้เครื่องมือทำนโยบายการเงิน ผมให้อิสระเต็มที่ แต่นโยบายองค์รวมของประเทศ ต้องทำให้สอดคล้องกัน ผู้ว่าฯ ธปท. คิดไปทางเดียวกัน ช่วยให้เกิดการแก้ปัญหาประเทศได้มาก”

ส่วนนายวิทัย กล่าวถึงสิ่งที่เห็นตรงกันว่า น้ำท่วมหาดใหญ่ เศรษฐกิจหาดใหญ่มีสัดส่วน 2.6% ของจีดีพี ความเสียหายอยู่ที่ 0.1-0.2% ของจีดีพีเท่านั้น แต่คลังและธปท. เห็นว่า ความช่วยเหลือต้องส่งไปที่คนและผู้ประกอบการที่เสียหาย ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการของธนาคารรัฐ และรองรับการออกซอฟต์โลนเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมเป็นกรณีพิเศษของธนาคารออมสิน ธปท. จะขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ทำเหมือนกัน ทั้งพักเงินต้นและพักดอกเบี้ย ให้สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมดอกเบี้ย 0% และลดวงเงินขั้นต่ำผ่อนชำระบัตรเครดิตจาก 8% เหลือ 0-3%

สำหรับบทบาทของธปท.ยังรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่จะเป็นผู้นำแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ยังไม่มีใครเป็นผู้นำ โดยจะออกมาตรการเฉพาะจุด เช่น ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่ม, เข้าไม่ถึงสินเชื่อของคนชายขอบ, แก้หนี้ครัวเรือนผ่านการซื้อหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาท หรือตั้งกลไกค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงเอสเอ็มอี คาดว่าจะช่วยให้เอสเอ็มอีได้สินเชื่อใหม่ 100,000-120,000 ล้านบาท รวมทั้งติดตามหาเงินเทาในระบบเศรษฐกิจด้วย

“หากไม่มีคนแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเป็นปัญหาหนัก แต่วันนี้มีแต่คนวิเคราะห์ ยังไม่มีคนทำ ธปท.จึงต้องเข้ามาเป็นผู้นำร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพราะหากปัญหาไม่ถูกแก้ ในที่สุดก็จะลุกลามมากระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ ธปท.มีหน้าที่ดูแลหลักอยู่ดี”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ