โออาร์จ่อโยนผ้าขาวลงทุนกัมพูชา

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดเผยแผนการลงทุนธุรกิจต่างประเทศว่า ขณะนี้โออาร์อยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินใจปรับเปลี่ยนการลงทุนในประเทศกัมพูชา หลังจากยอดขายในกัมพูชาปรับลดลงถึง 50-60% จากปีที่ผ่านมา แม้คิดเป็น 2-3% ของกำไรรวมทั้งองค์กร เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะตามชายแดนประเทศไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา จนเกิดกระแสต่อต้านสินค้าไทย ทำให้สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่นของโออาร์ ในกัมพูชาที่เคยมีอยู่ 200 แห่ง โดยเป็นปั๊มน้ำมันที่โออาร์เป็นเจ้าของ 10% ส่วนใหญ่เป็นของดีลเลอร์ (ผู้ร่วมค้า) มีการเปลี่ยนย้ายค่ายไปเป็นแบรนด์อื่นประมาณ 40-50 แห่ง ล่าสุดสถานีบริการน้ำมันของโออาร์ ในกัมพูชาเหลือเพียง 150 แห่ง เช่นเดียวกับร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอนที่เหลืออยู่ 150 สาขา

“หากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเกิดการปะทะกันอีก หรือยืดเยื้อต่อเนื่อง จนทำให้ยอดขายปรับลดลงมากจนไม่คุ้มค่าทางธุรกิจ ในกรณีเลวร้ายสุดที่โออาร์ได้ทำการประเมินพบว่า โออาร์คงต้องยุติการทำธุรกิจในกัมพูชา โดยขณะนี้ได้คิดไว้หลายทางเลือก เพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุด เพราะต้องติดตามสถานการณ์ ยังคาดเดาไม่ออกว่าสถานการณ์จะผันผวนไปทางไหน ซึ่งแนวทางการทำธุรกิจในกัมพูชา จะมีความชัดเจนภายในเดือน ธ.ค. นี้ หรืออย่างช้าเดือน ม.ค. 2569”

สำหรับการลงทุนในเวียดนาม หลังจากโออาร์ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขอยกเลิกร่วมทุนโออาร์ ซีจี กับกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านคาเฟ่ อเมซอนในเวียดนาม ซึ่งขณะนี้จะเลิกกิจการทั้งหมดในเวียดนาม เนื่องจากตลาดกาแฟเวียดนามมีการแข่งขันสูงมาก มีวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟที่เข้มแข็งของคนท้องถิ่น โออาร์ไม่สามารถนำสูตรความสำเร็จการทำธุรกิจร้านกาแฟในประเทศไทยไปใช้กับเวียดนามได้ คู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก ซึ่งการทำธุรกิจในเวียดนามมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่พอสมควร จึงไม่สามารถขยายสาขาต่อไปได้

ขณะที่การทำธุรกิจของโออาร์ในประเทศลาว ที่มีการลงทุนทั้งธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน และคาเฟ่ อเมซอนพบว่ายังไปได้ดี ส่วนประเทศเมียนมาน่าจะผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้ว โดยเข้าใจว่าในเดือน ธ.ค. นี้ น่าจะมีการเลือกตั้งในเมียนมาเกิดขึ้น และถ้าการเลือกตั้งออกมาในรูปแบบที่เป็นที่ยอมรับได้ในสังคมโลก เมียนมาจะเป็นประเทศหนึ่งที่ไทยมีความได้เปรียบในการเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในด้านพลังงาน

“ผมขอยืนยันว่าโออาร์ยังคงให้ความสำคัญที่จะเน้นขยายการลงทุนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก เช่น เมียนมา, ลาว, กัมพูชา เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับประเทศไทย และที่สำคัญไทยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งทางถนน ทางรถไฟ ทางเรือ รวมถึงมีศักยภาพของโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า และโครงข่ายท่อน้ำมัน ถือว่ามีความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ตั้งของประเทศไทย ที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน”