
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง ประชุมเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยเมื่อ 26 พ.ย.68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.68 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อเตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับพิจารณาการจัดสรรใช้งบประมาณ ทั้งงบประจำ งบกลางฉุกเฉิน รวมถึงมาตรการกึ่งการคลังวงเงินจากมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 เพื่อดูว่าจะมีการจัดสรรงบส่วนใดมาใช้ดูแลให้เหมาะสม ตลอดจนงบที่จะเตรียมใช้ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะต่อไป อย่างโครงการคนละครึ่งเฟสสอง
โดยมาตรการเยียวยาจะถูกแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะเร่งด่วน ช่วยเหลือระหว่างเกิดน้ำท่วมโดยเร่งประสานภาครัฐลงพื้นที่ ส่งอาหาร และอพยพประชาชน 2.ระยะฟื้นฟู–ซ่อมสร้าง ด้วยสินเชื่อพิเศษและมาตรการภาษีสำหรับค่าซ่อมบ้าน–ซ่อมรถ 3.ระยะฟื้นตัวเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อให้ธุรกิจกลับมาดำเนินได้ภายใน 6–12 เดือน โดยเร่งบูรณาการกระทรวงพาณิชย์ แรงงาน และดีอีเอส ดูแลผู้ประกอบการไม่ให้กิจการหยุดชะงัก
ด้านนายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมมาตรการและแผนฉุกเฉินในการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นการช่วยเหลือให้ธุรกิจกลับมาดำเนินได้ ส่วนแรกเป็นการดำเนินการฉุกเฉินและมาตรการระยะสั้น ในช่วงที่ลูกค้าประสบภัยน้ำท่วมและกิจการยังไม่สามารถดำเนินงานได้ ได้แก่ การขยายระยะเวลา ดำเนินการขยายตั๋วการส่งออก (ขยายตั๋ว) และขยายกำหนดการชำระเงิน การดูแลเครดิต ปรับเปลี่ยนมาตรการเพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบทางเครดิตบูโร
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อเพื่อการซ่อมสร้าง (ซอฟต์โลน) โดยจะเริ่มดำเนินการหลังน้ำลด คือ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับการซ่อมสร้างและปรับเปลี่ยนโรงงาน โดยได้เตรียมสินเชื่อสำหรับนิติบุคคลและโรงงานที่ได้รับผลกระทบ ในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 1.99% วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยให้กับผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบ โดยวงเงินส่วนหนึ่ง 200–300 ล้านบาท มาจากธนาคารออมสิน และที่เหลือมาจากของเอ็กซิมแบงก์เอง ส่วนมาตรการระยะกลางและระยะยาว จะมีสินเชื่อเพิ่มเติม นอกเหนือจากสินเชื่อหมุนเวียนที่ลูกค้าใช้อยู่แล้ว รวมถึงการผ่อนปรนเกณฑ์ให้ผ่อนชำระนานขึ้นสำหรับลูกค้าเก่า และอาจมีการช่วยในแง่ของดอกเบี้ย